มาติเยอ ริการ์ ผู้เขียน
ความสุข : คู่มือพัฒนาทักษะชีวิตที่สำคัญที่สุด
เป็นใครนั้นไม่ใคร่สำคัญเท่าคำถามที่ว่า
เด็กหนุ่มที่น่าอิจฉาในสังคมชั้นสูงกรุงปารีส เลือกใช้ชีวิตในหุบเขาห่างไกล
เลือกถ้ำภาวนา แทนห้องทดลองนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลได้อย่างไร
เพื่อคลายข้อข้องใจ ขอเชิญสู่บทกล่าวเกริ่นเปิดหนังสือเล่มดังกล่าว ณ บัดนี้
ตอนอายุยี่สิบปี ผมคิดแต่สิ่งที่ชีวิตผมไม่ได้ต้องการ
คิดถึงแต่ชีวิตที่ไร้ความหมาย – แต่ก็นึกไม่ออกว่าจริงๆ แล้วผมต้องการอะไร
ชีวิตวัยรุ่นของผมห่างไกลจากความน่าเบื่อหน่าย ผมจำได้ว่าตอนอายุสิบหกปี
ผมตื่นเต้นแค่ไหนเมื่อมีโอกาสร่วมกับเพื่อนซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวไปรับประทานอาหารกลางวันกับอีกอร์ สตราวินสกี้ ผมดื่มด่ำกับทุกถ้อยคำที่เขาพูด เขาเขียนลายเซ็นบนแผ่นโน้ตดนตรี อากอน (Agon) บทเพลงที่ตอนนั้นยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก
แต่ผมชอบมากเป็นพิเศษ เขามอบให้ผมพร้อมกับข้อความว่า
“มาตีเยอ ผมขอมอบ อากอน บทเพลงที่ผมชอบมากๆ ให้คุณ”
[/FONT][/COLOR]
ผมไม่ขาดแคลนสิ่งน่าหลงใหลในแวดวงปัญญาชน
ที่พ่อแม่ของผมมีบทบาทอยู่ด้วย แม่ของผมคือ
ยาห์เน เลอ ทูเมแลง จิตรกรชื่อดังผู้มีชีวิตชีวา
ชีวิตเต็มไปด้วยบทกวีและมีน้ำใจไมตรีแก่เพื่อนมนุษย์ แม่เป็นเพื่อนกับศิลปินร่วมสมัยและจิตรกรเซอเรียลลิสม์หลายคน เช่น อังเดร เบรตัง, ลีโอนอรา คาร์ริงตัน,
และ มอริส เบจาร์ต ซึ่งแม่ได้เขียนฉากละครขนาดใหญ่ให้แก่เขาด้วย
และต่อมาแม่ได้บรรพชาเป็นแม่ชีในพุทธศาสนา
ส่วนพ่อของผมซึ่งใช้นามปากกาว่า ฌอง-ฟรังซัว เรอเวล
ได้กลายมาเป็นเสาหลักต้นหนึ่งของชีวิตปัญญาชนฝรั่งเศส พ่อได้จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำซึ่งเป็นที่จดจำอย่างไม่รู้ลืม ให้แก่นักคิดผู้เก่งกล้าและมีจิตใจสร้างสรรค์ในยุคสมัยของท่าน เช่น หลุยส์ บูญูเอล, เอมมานูเอล ซิโอรัง นักปรัชญาผู้ทดท้อ, มาริโอ ซอเรส ผู้ปลดปล่อยปอร์ตุเกสจากแอกของลัทธิฟาสซิสม์, อองรี คาติเอร์ เบรซซอง ผู้ได้ชื่อว่าเป็นดวงตาแห่งศตวรรษ และคนอื่นๆ อีกมากมาย
ปี ๑๙๗๐ พ่อเขียนหนังสือเรื่อง
ไม่เอาทั้งมาร์กซ์และเยซู (Without Marx or Jesus)
ปฏิเสธอำนาจเผด็จการทั้งด้านการเมืองและศาสนา
หนังสือเล่มนี้ติดอันดับหนังสือขายดีในอเมริกาตลอดปีนั้น
ปี ๑๙๖๗ สถาบันปาสเตอร์จ้างผมซึ่งยังอยู่ในวัยหนุ่มให้เป็นนักวิจัย
พันธุกรรมของเซลล์ ประจำอยู่ที่ห้องทดลองของฟรังซัว จาคอบ ซึ่งเพิ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์เมื่อไม่นานมานี้ ที่ห้องทดลองนั้นผมทำงานกับผู้มีชื่อเสียง
ด้านชีววิทยาโมเลกุลหลายท่าน รวมถึง ฌาคซ์ โมนอด์ และ อังเดร ลวอฟฟ์
สองท่านนี้จะรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันทุกวัน พร้อมกับนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก ที่โต๊ะส่วนกลางตรงมุมห้องสมุด ฟรังซัว จาคอบดูแลนักศึกษาปริญญาเอกอยู่แค่สองคน และหนึ่งในนั้นเขาจำกัดไว้เฉพาะเพื่อนที่ช่วยเหลือกันได้
เขารับผมไว้ไม่แค่เพราะผมมีผลงานในมหาวิทยาลัยเท่านั้น
แต่เพราะเขาได้ยินมาว่าผมมีแผนการจะสร้างฮาร์พซิคอร์ด
ความฝันซึ่งผมไม่เคยทำให้เป็นจริงได้
แต่ก็ทำให้ผมได้ทำงานอยู่ในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ที่ใครๆ ก็อยากไปอยู่
นอกจากนี้ผมยังชอบดาราศาสตร์ ชอบการเล่นสกี การแล่นเรือใบ
และปักษาวิทยา ตอนอายุยี่สิบปี ผมตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับการอพยพของสัตว์
ผมเรียนการถ่ายภาพจากเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นมืออาชีพด้านการถ่ายภาพสัตว์ป่า
ผมใช้เวลาตอนวันหยุดสุดสัปดาห์เที่ยวด้อมๆ มองๆ สังเกตนกเกร็บกับห่านป่า
ในบึงโซโลญ และบนหาดทรายชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก
ตอนฤดูหนาวผมไถลสกีเล่นอยู่ตามลาดเขาแอลป์ในแผ่นดินบ้านเกิด
พอถึงฤดูร้อนก็ท่องเที่ยวไปในมหาสมุทรกับเพื่อนๆ ของลุงฌาคส์-อีฟ เลอ ทูเมแลง
ซึ่งเป็นนักเดินเรือ และ ไม่นานหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองยุติ
ท่านได้เดินทางรอบโลกคนเดียวไปกับเรือใบขนาดความยาวสามสิบฟุตที่ท่านต่อเอง ท่านแนะนำให้ผมได้รู้จักกับผู้คนพิเศษนานาประเภท มีทั้งนักผจญภัย นักสำรวจ
นักรหัสยนัย นักดาราศาสตร์ และนักอภิปรัชญา
วันหนึ่งเราไปเยี่ยมเพื่อนของลุง แต่พอไปถึงห้องทำงานของเขา
กลับพบแต่ข้อความสั้นๆ ที่เขาเขียนแปะไว้บนประตูว่า
“ขอโทษครับที่ไม่ได้เจอกัน ผมเดินเท้าไปที่ทิมบุคตู”
ชีวิตห่างไกลจากความน่าเบื่อ แต่ก็ขาดบางสิ่งที่เป็นสาระ
ตอนผมอายุยี่สิบหกปีและเอือมระอากับชีวิตที่ปารีส ผมตัดสินใจไปอยู่ที่ดาร์จีลิง
ใต้เงื้อมเงาเทือกเขาหิมาลัยที่ประเทศอินเดีย เพื่อศึกษากับอาจารย์ชาวธิเบตที่เก่งๆ
ผมมาถึงทางแพร่งนี้ได้อย่างไรกัน
ปัจเจกบุคคลที่โดดเด่นแต่ละคนที่ผมพบบนเส้นทางต่างมีอัจฉริยภาพเป็นของตนเอง ผมเคยนึกอยากจะบรรเลงเปียโนให้เก่งเหมือนเกล็น กูลด์
หรือเล่นหมากรุกให้ได้อย่างบอบบี้ ฟิชเชอร์
หรือมีพรสวรรค์ด้านกานต์กวีเหมือนโบเดอแลร์
แต่ผมไม่เกิดแรงบันดาลใจที่จะกลายเป็นเหมือนพวกเขาในระดับปุถุชน
แม้ว่าเขาเหล่านี้จะมีคุณสมบัติด้านศิลปะ ด้านวิทยาศาสตร์ และมีสติปัญญาอย่างสูงยิ่ง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการมีจิตใจเพื่อผู้อื่น เปิดใจให้แก่โลก ละตัวตน
และการมีชีวิตที่เบิกบานแล้วล่ะก็ ความสามารถของเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้วิเศษหรือด้อยไปกว่าความสามารถที่พวกเราทุกคนต่างมีกันอยู่แล้ว
ทุกสิ่งเปลี่ยนไปเมื่อผมได้พบกับมนุษย์ผู้โดดเด่นจำนวนหนึ่ง
ซึ่งเป็นตัวอย่างให้เห็นได้ว่าชีวิตที่เต็มเปี่ยมนั้นเป็นอย่างไร
ก่อนที่จะได้พบกับท่านเหล่านี้ ผมได้แรงบันดาลใจจากการอ่านผลงานของผู้ยิ่งใหญ่อย่างเช่น มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ และ โมหันทาส คานธี ที่คุณธรรมความเป็นมนุษย์ของท่านแท้ๆ ได้เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้เปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตของตน
พอผมย่างเข้าสู่วัยยี่สิบปี
ผมได้ชมภาพยนตร์สารคดีที่เพื่อนของผมคือ อาร์โนด์ เดส์จาร์แดงส์ ได้ถ่ายทำเกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ทางจิตวิญญาณผู้ประเสริฐที่ต้องหลบหนีออกจากธิเบต หลังจากถูกจีนคอมมิวนิสต์รุกรานอย่างป่าเถื่อนโหดร้าย ปัจจุบันท่านเหล่านี้ได้ลี้ภัยอยู่ที่ประเทศอินเดียและภูฐาน ผมตะลึงไปกับภาพที่เห็น ท่านเหล่านี้มีลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างกันอย่างมากมาย แต่สิ่งที่ฉายออกมาจากทุกท่านละม้ายเหมือนกัน นั่นคือความงามจากภายใน พลังเมตตา และปัญญา ผมไม่สามารถไปพบโสกราตีส ไม่อาจไปฟังการสนทนาของเพลโต หรือนั่งอยู่แทบเท้านักบุญฟรานซิส แต่แล้วจู่ๆ ผู้มีคุณธรรมอย่างท่านเหล่านั้นราวๆ ยี่สิบกว่าคน ได้มาปรากฏอยู่ตรงหน้า
ผมใช้เวลาไม่นานตัดสินใจไปอินเดีย
เพื่อจะได้พบกับท่านเหล่านั้น
..........................................
suan-spirit.com