23 พฤศจิกายน 2567 11:27:19
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
นั่งเล่นหลังสวน
สุขใจ ใต้เงาไม้
.:::
"พาแม่กลับบ้านนะลูก........."
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: "พาแม่กลับบ้านนะลูก........." (อ่าน 5396 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ขม..ค่ะึึ
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 1014
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.5.10
"พาแม่กลับบ้านนะลูก........."
«
เมื่อ:
27 มิถุนายน 2553 07:31:29 »
Tweet
"พาแม่กลับบ้านนะลูก........."
โดย..สร้อยดอกหมาก
ตรงหน้าตึกร้างหัวมุมถนน ยายคนนั้นยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
ยายในชุดผ้านุ่งไหมเก่า ๆ สีน้ำตาลอมเขียวกับเสื้อคอกลมแขนสั้นสีขาวมอ ๆ
ผมสีเงินแซมสีเทาสั้นเกือบติดหนังหัว และดอกเข็มสีแดงดอกจิ๋วในรูที่ติ่งหูทั้งสองข้าง
ทำให้เดาได้ไม่ยากว่ายายมาจากไหน ข้าง ๆ ตัวยายคือตะกร้าไม้ไผ่สานใบเล็ก ๆ
มีผ้าสีแดงคล้ำโผล่ให้เห็นพอมองออกว่าเป็นผ้าเช็ดน้ำหมาก
เฉลาเห็นภาพนี้จนเจนตาชินใจ ราวกับมันคือสิ่งเดียวกับทุกอย่างที่นั่น
สี่แยกที่รถติดเป็นแพทั้งเช้าสายบ่ายค่ำ ตึกร้างไร้ผู้คน
และยายที่สอดส่ายสายตาตามผู้คนและรถราที่ขวักไขว่
ยายไม่ใช่ขอทานที่มานั่งรอเศษเงินจากผู้ใจบุญ ที่ ๆ ยายนั่งแทบจะไม่มีคนเดินผ่านเสียด้วยซ้ำ
"เฉลา นี่น้าหลวงนะ ฉลวยหาไม่แล้ว"
นั่นคือเสียงดังมาจากโทรศัพท์มือถือถูก ๆ ที่เธอซื้อมาให้ตัวเองและพี่สาวเมื่อรับเงินเดือนเดือนแรก
"หา...น้าหลวงว่ายังไงนะ"
เอ๊ะ ฝันหรือว่าตื่นอยู่หรือนี่ เธอยกมือขึ้นลูบหน้าขับไล่ความง่วงงุน พยายามรวบรวมสติให้อยู่กับปัจจุบัน
"พี่ฉลวยของเอ็งตายเสียแล้วลูก เมื่อกี้นี่เอง"
เสียงของน้าชายต่ำพร่า ย้ำว่าเธอไม่ได้ฝัน แต่ทำไมล่ะ
ทำไมพี่สาวคนเดียวของเธอถึงตาย ก็พี่เขายังสาว ยังแข็งแรง
"งูกัดลูกเอ๋ย พาไปหาหมอไม่ทัน ดำหมดทั้งตัวเลย"
เสียงน้าชายบอกต่อไปเหมือนรู้ว่าเธอจะถาม
"พรุ่งนี้มาเลยนะลูก พี่ฉ่ำให้สวดสามวันแล้วเผา"
น้ายังคงพร่ำสั่งนู่นนี่ที่เธอต้องทำ แม่ว่าอย่างนั้นหรือ อ้อ...
"หนูขอพูดกับแม่หน่อยนะน้าหลวง"
เธอรวบรวมสติขึ้นมาได้เมื่อน้าชายเอ่ยถึงแม่
แม่จะเป็นอย่างไรบ้างเมื่อพี่ฉลวยมาจากไปกะทันหันอย่างนี้
"โหล ๆ" เสียงแม่ดังมาตามสาย "เหลาหรือลูก หลวยไม่มีแล้วลูกเอ๋ย"
เสียงนั้นสงบราบเรียบเหมือนพูดเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นทุกวัน
เฉลาฟังแล้วใจชื้น แม่เป็นอย่างนี้เอง ไม่มีอะไรที่แม่หวาดหวั่น รวมทั้งความตายของลูกในไส้ด้วยหรือ
"ทำไมล่ะแม่ ทำไมพี่เขาถึงตายได้ล่ะ"
เฉลาไม่ได้เข้มแข็งอย่างแม่ ตั้งแต่เล็กจนโตเธอถูกเลี้ยงมาอย่างตัวเล็กของบ้าน
เป็นลูกคนเล็กของแม่ เป็นน้องสาวคนเล็กของพี่ คำยืนยันของแม่ทำให้เธอกลัวจนตัวสั่น
มือที่ถือโทรศัพท์เย็นชื้นด้วยเหงื่อ น้ำตาทะลักทะลายออกมาเหมือนทำนบพัง
"เขาไปรายเบ็ดเมื่อหัวค่ำ แล้วไม่กลับมาสักที แม่ก็เลยออกไปตาม พบนอนอยู่บนคันนาไม่หายใจแล้ว"
ฤดูฝนน้ำเจิ่งนองทั่วท้องทุ่ง พี่ฉลวยคงออกไปธงเบ็ดหาปลาเหมือนกับที่เคยทำมาชั่วตาปี
"แม่จะอุ้มกลับมาก็อุ้มไม่ไหว จึงไปตามเณรเฉิมมาช่วย เพิ่งหามมาถึงเรือนเดี๋ยวนี้เอง
ให้พวกนี้เขาช่วยกันหาไม้กระดานมาทำโลงอยู่ หนูมาพรุ่งนี้ก็ได้นะ ลางานอะไรเสียให้เรียบร้อย
แม่ไม่เอาไว้นานหรอก สวดสามคืนก็พอ หนูจะได้รีบกลับมาทำงาน ไม่ต้องลาหลายวัน เท่านี้ก่อนนะลูก
เดี๋ยวแม่ต้องไปเตรียมผ้าอาบน้ำให้พี่เขา"
แม่วางสายไปแล้ว แต่เฉลายังใจสั่นริก ๆ ทำอะไรไม่ถูก พี่สาวคนเดียวของน้องตายเสียแล้วอย่างนั้นหรือ
"ไปเถอะ ไม่ต้องห่วง พี่ยังอยู่ทั้งคน"
นั่นคือคำมั่นสัญญาของพี่ เมื่อวันที่เธอได้บรรจุเป็นครูในกรุงเทพฯ
ซึ่งนับเป็นเรื่องที่หาไม่ได้เลยในหมู่บ้านของเธอ
ที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉลาไปกรุงเทพ เมื่อเธอเรียนจบมัธยมหกจากโรงเรียนประจำอำเภอ
คะแนนของเฉลาสามารถเข้าสถาบันราชภัฏที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศใน กรุงเทพได้
เธอเกือบจะต้องสละสิทธิ์เพราะไม่สามารถไปเรียนได้
พี่ฉลวยคนนี้เองที่ใจใหญ่คิดจะจำนองที่นาเอาเงินมาส่งเสียเธอ
ดีที่อาจารย์ใหญ่สาวโสดยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ให้ยืมค่าหน่วยกิต
และค่าหอพักจนกว่าเธอจะเรียนจบ มีเพียงค่ากิน และค่าใช้จ่ายส่วนตัวเพียงเล็กน้อยที่ต้องออกเอง
แต่ก็คือรายได้เกือบทั้งหมดจากการทำงานหนักของแม่และพี่สาวคนเดียว
เฉลาเรียนจบภายในเวลาเพียงสามปีครึ่งด้วยความสำนึกในความยากลำบากของทุก ๆ คน
เธอไม่ลงชื่อเข้าพิธีรับปริญญา เพราะนั่นเท่ากับหยาดเหงื่ออีกมากมายของแม่และพี่
เธอไปขอรับปริญญาจากฝ่ายธุรการของสถาบันฯ นำมันมาวางลงบนฝ่ามืออันหยาบกร้านของทั้งสองที่บ้าน
แม่อมยิ้ม แต่พี่ฉลวยฉีกยิ้มเสียจนแก้มดำ ๆ บานแฉ่ง ความภูมิอกภูมิใจที่พี่ฉลวยแสดงออกนั้น
ลึกล้ำฉ่ำเย็นอยู่ในใจเฉลาอย่าง แนบแน่น
เงินเดือนข้าราชการครูปริญญาตรีเมื่อต้องอยู่ในกรุงเทพนับว่ากระเบียด กระเสียรอย่างมาก
เฉลาวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ รายการค่าใช้จ่ายของเธอมีไม่มากอย่าง
ค่าหอพักถูก ๆ ย่านชานเมือง ค่ารถเมล์ต่อเดียวถึงที่ทำงาน ค่าข้าวเช้าไม่มี
ซึ่งเธอก็ทำมาแล้วตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา ค่าข้าวเที่ยงไม่ต้องเพราะทางโรงเรียนเลี้ยง
ค่ามื้อเย็นเท่านั้นที่เธอตั้งงบไว้สำหรับแกงและข้าวอย่างละถุงหิ้วมากิน ที่ห้อง
บางครั้งก็เปลี่ยนเป็นกล้วยน้ำว้าที่ซื้อมาเป็นหวี ปลิดกินวันละสองลูกแทนข้าว
ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของเธอคือเงินที่จะใช้คืนอาจารย์ใหญ่ และส่งให้แม่กับพี่
ที่เหลือจึงเก็บไว้สำหรับตัวเองเพียงเล็กน้อย ไม่มากกว่าที่เคยใช้เมื่อเป็นนักศึกษา
ด้วยหวังว่าแม่และพี่จะได้สบายขึ้นบ้าง ทดแทนสิ่งที่ทั้งสองทำให้กับเธอตลอดมา
"โอ๊ย พี่ไม่เอาตังค์ของหนู พี่กับแม่อยู่บ้านไม่อดหร็อก ข้าวเราก็มีกิน ปูปลาก็หาได้ถมไป
เคยเกลือก็นิด ๆ หน่อย ๆ หาปลาไปขายเอาตังค์มาซื้อก็เกินพอ"
พี่บอกอย่างนั้น น้ำเสียงเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองพูดอย่างแน่นหนัก
"หนูนั่นแหละเอาไว้ใช้เอง ซึ้อเสื้อผ้าใส่มั่งสิ พี่เห็นเดี๋ยวนี้เขาใส่เสื้อยืดกางเกงขายาวกันสวย ๆ ของหนูไม่เห็นมี"
ดวงตาสุกใสบนใบหน้าอวบกลมนั้นฉายประกายแห่งความสุข ความสุขที่น้องได้ดี
พี่ฉลวยเป็นคนร่างท้วม อวบกลม เดินเหินว่องไวคล่องแคล่ว ญาติพี่น้องเรียกเธอว่า "เณรหลวย"
ด้วยเธอทำงานอย่างผู้ชายได้ทุกอย่าง น้ำใสใจคอเล่าก็กว้างขวางซื่อตรง เป็นหลักให้น้องพึ่ง
เป็นคู่ชีวิตให้แม่อบอุ่นนับจากสิ้นพ่อ
วันเวลาที่สวยงามลงตัวเพิ่งเกิดขึ้นไม่ทันถึงปี
"แม่ไปอยู่กับหนูเถอะ พี่ฉลวยไม่อยู่แล้ว แม่อยู่คนเดียว หนูเป็นห่วง"
เฉลาอ้อนวอนแม่ครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่องานศพเสร็จลง ญาติพี่น้องที่มาช่วยงานต่างพากันกลับบ้าน เหลือกันอยู่แค่สองคนแม่ลูก
บ้านเหมือนไม่ใช่บ้านเมื่อไม่มีพี่ฉลวยคอยทำนู่นทำนี่อยู่ใกล้ ๆ
เฉลาหยิบจับอะไรแทบไม่ถูกเมื่อไม่มีพี่คอยแนะนำ
แม้แต่แม่เองถึงจะทำทุกอย่างได้อย่างเคย แต่ก็นิ่งขึงพูดไม่ออกเป็นพัก ๆ
"ก็ดีเหมือนกันนะพี่ฉ่ำ ลองไปอยู่กับเฉลามันสักพัก ก็เหลือกันอยู่แค่นี้ อยู่ด้วยกันดีกว่า
ลูกมันก็ทำมาหากินได้แล้ว มันเลี้ยงพี่ได้อยู่หรอก"
น้าเฉิมมองเห็นความเปล่าเปลี่ยวของเราสองแม่ลูก
"อยู่ทางนี้ ฉันจะคอยดูแลให้ นาของพี่ฉันจะทำให้แล้วขายข้าวส่งค่าเช่าให้เป็นเงิน
พี่ไม่ต้องเป็นห่วง บ้านนี่ก็ปิดไว้ ไม่มีอะไร อยู่ใกล้กันแค่นี้ ว่าง ๆ ก็จะมานอนให้"
น้าชายช่วยแม่คิดแก้ปัญหาต่าง ๆ
แม่ยังพูดอะไรไม่ออก ดูเหมือนสมองแม่หยุดคิดไปหลังจากไม่มีพี่ฉลวย เฉลาไม่เคยเห็นแม่เป็นอย่างนี้
เมื่อครั้งพ่อตายเธอก็ยังเด็กเกินไปที่จะซึมซับอารมณ์เศร้าหมองของผู้เป็นแม่ แต่เมื่อพี่มาจากไป
เฉลาเห็นซึ้งถึงความเงียบเหงาวังเวงใจของแม่ เธอจะทิ้งแม่ในสภาพนี้ไปได้อย่างไร
"แม่ไปอยู่กับหนูเถอะ หนูลาต่อไม่ได้แล้ว เด็กกำลังจะสอบ หนูต้องไปสอน"
เฉลาพะว้าพะวัง เธอไม่กล้าเสียประวัติการทำงาน ชีวิตเธอกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้นั้น
ยากเย็นแสนเข็ญยิ่งนักทั้งของตนเองและคนรอบข้าง ถ้าต้องมาเสียไปเธอจะมีปัญญาที่ไหนหามาได้อีก
"ไปก็ไป"
แม่พูดแค่นั้น แล้วเดินเข้าใต้ถุนไปเงียบ ๆ เฉลาสงสารแม่จับใจ แต่เธอไม่มีเวลาคิดเป็นอย่างอื่น
"แม่ หนูซื้อข้าวกับแกงไว้ให้แม่ อยู่ในถุงนี้นะ น้ำกินก็ในขวดนี้
แม่หิวตอนไหนก็กินตอนนั้น ไม่ต้องคอยหนูนะ ตอนเย็นหนูกลับมาจะซื้อมาอีก"
เฉลาต้องย้ายห้องพักจากห้องเตียงเล็กอยู่คนเดียวไปเป็นห้องเตียงใหญ่
สำหรับสองคน เพิ่มค่าเช่าอีกเกือบเท่าตัว แต่มันก็เป็นเพียงห้องเล็ก ๆ แคบ ๆ
มีหน้าต่างบานเล็กเปิดออกไปเป็นที่ตากผ้า ดีที่มีห้องน้ำห้องส้วมอยู่ในห้อง
แม่จะได้ไม่ต้องลำบากออกไปข้างนอก
เรื่องอาหารการกินนั้น มื้อเช้า ปกติเมื่ออยู่ที่บ้านแม่จะกินตอนสาย ๆ อยู่แล้ว
เพราะต้องออกไปนาแต่เช้ามืด เธอจึงซื้อเพียงกับข้าวมื้อเดียวให้แม่กินใกล้เที่ยง
ตอนเย็นเธอจะซื้อมาอีกครั้งสำหรับสองคน
เธอสอนให้แม่เปิดปิดประตูห้องที่ใช้ลูกบิด สอนให้แม่ใช้ส้วมชักโครก สอนให้แม่อาบน้ำฝักบัว
และคิดว่าเย็นนี้จะซื้อหม้อหุงข้าวไฟฟ้าใบเล็ก ๆ กับข้าวสารมาให้แม่ได้หุงข้าวกินเองตอนมื้อเที่ยง
เงินเก็บเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เพียรสะสมมาตั้งแต่เริ่มทำงาน
รวมกับเงินทำบุญงานศพที่เหลือคงจะหมด ไปในคราวนี้
เฉลาไม่คิดเสียดาย ถึงเวลาที่เฉลาจะได้ดูแลแม่บ้างแล้ว เธอตั้งใจจะทำอย่างเต็มที่
แม่เงียบกริบ ไม่ตอบคำ สีหน้าเรียบเฉยของแม่ทำให้เธอห่วงหน้าพะวงหลัง
ออกจากห้องไม่ใคร่ได้ ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ แทบไม่มีที่ว่างเช่นนี้ แม่ต้องไม่คุ้นเคย
แต่งานในหน้าที่ก็ฉุดกระชากเธอไปจากความห่วงใย
หวังเพียงว่าแม่จะอยู่ได้ถ้าทำทุกอย่างตามที่เธอสอนไว้
เย็นนั้น เฉลาต้องอยู่เคลียร์งานที่ฝากเพื่อนครูไว้ตอนลา
เธอมองแสงสีส้มของกลางวันที่ค่อยจางหายปล่อยให้แสงสีเทาของกลางคืนโรยตัวลง
มาปกคลุมแทนอย่างไม่สบายใจ แม่จะเป็นอย่างไรบ้าง จะกลัวไหมถ้ามืดแล้วไม่เห็นเธอกลับ
กว่าเธอจะได้ออกจากที่ทำงาน นั่งรถเมล์จนกว่าจะถึงหอพักเวลาก็ล่วงเลยเป็นค่ำมืด
ถึงอย่างไรเธอก็ยังต้องแวะซื้อข้าวมื้อเย็นให้ตัวเองกับแม่ ไหนยังจะหาซื้อหม้อหุงข้าวไฟฟ้า
ซื้อข้าวสาร อาจจะต้องซื้อน้ำปลาไว้ให้แม่สักขวด เผื่อแกงจะจืดไป
หรือจะซื้อพริกขี้หนูด้วย สมองเธอคิดหาทางให้แม่อยู่ได้อย่างมีความสุข
"แม่ แม่ หนูกลับมาแล้ว"
เธอเคาะประตู พร้อมกับส่งเสียงเรียก โล่งใจที่ได้กลับถึงที่พักเสียที
ข้าวของสองมือพะรุงพะรังหนักอึ้งนิ้วจะขาด
ภายในห้องเงียบกริบ แม้แต่แสงไฟก็ไม่ลอดออกมา เฉลาใจหายวาบ
"แม่ แม่ เปิดประตูสิแม่"
ความกลัวเกาะกินใจเธออย่างรุนแรง
รีบวางข้าวของในมือลงกับพื้น สองมือระดมทุบประตูอย่างขวัญเสีย
"มีอะไรหรือน้อง"
เพื่อนร่วมหอโผล่หน้าออกมาดู
"แม่หนูค่ะพี่ แม่หนูอยู่ในห้อง แต่หนูเรียกแล้วแม่ไม่เปิดประตู ไฟก็ไม่เปิด"
เธอพร่ำบอกเสียงขาดเป็นห้วง ๆ น้ำตาพรั่งพรูทำอะไรไม่ถูก
เธอผู้นั้นจึงมาลองขยับลูกบิดประตู มันติดล็อคข้างในอย่างที่เฉลาทำให้แม่เมื่อเช้านี้
"น้องมีกุญแจห้องหรือเปล่าล่ะ"
"มีค่ะมี"
เธอลนลานล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจห้องส่งให้เพื่อนไขประตู
ประตูเปิดผลัวะพร้อมกับร่างของเฉลาที่ผวาตามบานประตูเข้าไป
แม่นั่งชันเข่าอยู่กับพื้นในความมืดนิ่งเฉย สติของเฉลาก็ขาดผึง
"แม่ ทำไมแม่ทำอย่างนี้ล่ะ ทำไมไม่เปิดประตู"
เธอตะโกนอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่ น้ำเสียงเช่นนั้น
เฉลาไม่เคยพูดกับแม่ หรือกับใครเลยก็ว่าได้ แต่คราวนี้ วันนี้
มันหลุดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจที่เหน็ดเหนื่อย หวาดกลัวที่สู้ทนเก็บข่มมาหลายวัน
"ใจเย็น ๆ น้อง ใจเย็น"
เพื่อนส่งเสียงเตือนเบา ๆ แล้วเดินมาเปิดไฟให้
เมื่อนั้นเองที่เฉลาได้เห็นสีหน้าของแม่ สีหน้านั้นของแม่
เฉลาก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน มันช่างไร้ชีวิต เหนื่อยล้า สิ้นหวัง เศร้าสร้อย ทุกข์ตรม
เหมือนไม่ใช่แม่คนเข้มแข็งของเธอ
"แม่อย่าทำอย่างนี้ แม่อย่าทำ หนูกลัว"
เฉลาผวาเข้ากอดแม่ เขย่าร่างนั้นสะอื้นไห้จนตัวโยน แม่ค่อย ๆ อ้าแขนออกโอบเธอ
ตบหลังให้เบา ๆ เหมือนเมื่อเธอเป็นเด็ก แต่ดูเหมือนแม่จะเป็นใบ้ไปเสียแล้ว
ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดจากปากแม่มาให้เฉลาได้ยิน
แม่คงกลัว ดูเหมือนแม่จะนั่งอยู่ที่เดียวกับที่เฉลาเห็นเมื่อเช้าไม่ได้ขยับไปไหน
โถแม่..."พี่ไปนะ"
เสียงเพื่อนเอ่ยขึ้นเบา ๆ ทำให้เฉลาได้สติ เธอหันไปขอบคุณเพื่อน
"ไม่เป็นไรหรอกน้อง มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ แม่พี่ก็เคยมานอนค้างกับพี่เหมือนกัน"
เธอบอกอย่างคนเข้าใจสถานการณ์
แม่ยังคงเงียบเฉยหม่นหมองจนเฉลาทำงานแทบไม่ได้ กลางวันแม่กินข้าวเท่าที่เฉลาจัดไว้ให้
แม่ไม่แตะต้องสิ่งอื่น ไม่ว่าน้ำปลาหรือพริกขี้หนูที่แม่เคยเกร็ดกินกับข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อครั้งอยู่ที่บ้าน แม้แต่หมากที่แม่ต้องเคี้ยวอยู่ตลอดเวลา เฉลาก็เห็นมันอมค้างอยู่ในปากแม่
เฉลาพยายามเร่งทำทุกอย่างในที่ทำงานให้เสร็จทันเวลาเลิกงานทุกวัน
เพื่อจะได้รีบกลับมาอยู่กับแม่ ซื้อหมากพลู ซื้อกับข้าวมาให้แม่
ตอนเช้าก่อนออกจากห้องก็จะซักผ้า ถูพื้นไว้เรียบร้อย ไม่ให้แม่ต้องทำอะไร
แต่แม่ก็ไม่ดีขึ้น บางคืนเฉลายังได้ยินเสียงแม่ละเมอเรียกชื่อพี่
แล้ววันหนึ่ง เฉลาก็เห็นแม่ออกมานั่งหน้าประตูห้องคอยเธอกลับจากทำงาน
บนทางเดินยาวเหยียดหน้าห้องพักที่ติดกันเป็นแถวของแสงยามเย็น
หญิงวัยกลางคนร่างผอมคล้ำดูร่วงโรยในผ้าถุงดำตัวเก่ากับเสื้อคอกระเช้าสีน้ำตาล
ที่นั่งชันเข่าพิงประตูห้อง หันหน้ามาทางถนนเข้าหอพักอย่างรอคอย สะเทือนร้าวเข้าไปในหัวใจของเฉลา
"แม่ ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ ประตูล็อคข้างใน เข้าห้องไม่ได้หรือ"
เฉลาผวาเข้าไปหาแม่อย่างตื่นตกใจ
"เหลา พาแม่กลับบ้านนะลูก"
แม่เอื้อมมือมาคว้ามือเฉลา เงยหน้าขึ้นพูดอย่างอ้อนวอน
น้ำตาเต็มนัยน์ตาของแม่ เหมือนไม่ใช่แม่คนเดิม
เฉลานิ่งอึ้ง พยักหน้ารับ "จ้ะแม่"
คืนนั้นสองแม่ลูกนอนกอดกันเหมือนเมื่อครั้งอยู่บ้าน
เนื้อตัวของแม่ดูมีชีวิตชีวาแข็งแรงและอบอุ่นขึ้นมาทันตาเห็น
สีหน้าแช่มชื่นมีความหวัง ดวงตาสุกใสเป็นประกาย
เฉลาพาแม่ไปส่งในวันหยุดสุดสัปดาห์นั้น นอนค้างกับแม่หนึ่งคืนแล้วกลับมาทำงาน
เธอเพิ่มรายการค่าใช้จ่ายลงไปในงบประมาณประจำเดือน
สำหรับการกลับบ้านมานอนกับแม่เดือนละหนึ่งครั้ง
ในโอกาสนี้เธอยังได้ไปเยี่ยมเยียนอาจารย์ใหญ่ผู้มีพระคุณด้วยตนเอง
บางครั้งก็ได้ไปงานบุญงานบวชของญาติพี่น้องบ้านใกล้เรือนเคียง
ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด
แม่เองก็ได้กลับไปอยู่บ้านของแม่ ที่มีญาติพี่น้อง ต้นไม้ไร่นา ปลาในหนอง น้ำในห้วย
และฟ้ากว้างที่ครอบทุ่งโล่งสวยงามสุดสายตา แม้ไม่มีพี่ฉลวย
แม่ก็มีเฉลาที่จะมาหาแม่ทุกเดือนไม่ได้ขาด หน้านาแม่ก็ยังทำนาปลูกข้าวบนผืนดินเล็ก ๆ ของตัวเอง
ยามเจ็บไข้ก็มีหลาน ๆ ญาติ ๆ ใกล้ชิดมาประคับประคองรอเวลาเฉลามาถึง
แม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่แม่คุ้นเคยอย่างมีความสุข แข็งแรง สดชื่น เต็มปรี่ไปด้วยพละกำลัง
และความหวังเหมือนที่เฉลาเคยเห็น
ในวันใช้ชีวิตคู่ของเฉลาแม่บอกกับเธอว่าจะอยู่รอดูหลานคนโต
และเมื่อได้หลานคนแรกเป็นผู้ชายแม่ก็ต่ออายุขัยของตัวเองออกไปอีกว่า
จะมีชีวิตอยู่ต่อไปจนกว่าจะได้อุ้มพานแว่นฟ้าใส่ผ้าไตรส่งหลานยายเข้า โบสถ์ในงานบวช
เฉลาทอดสายตามองยายหน้าตึกร้างพร้อมกับภาวนาเอาใจช่วยทุกวัน
ที่นี่ไม่ใช่บ้านของยาย ไม่ใช่ที่ทางสำหรับยายเลยใช่ไหมจ๊ะ
ยายคงคิดถึงเถียงนากลางทุ่งกว้างที่มีลมโชยเฉื่อยฉิว
มีเสียงกบเสียงอึ่งระงมร้องยามค่ำคืนที่ฝนพรำ คิดถึงกอไผ่ที่เสียดส่ายไหวโอนตามแรงลม
คิดถึงหน่ออ่อนของต้นไม้ที่เสียดแทงขึ้นมาจากผืนดินหลังฝนตก คิดถึงรวงข้าวสีทองที่อ่อนค้อมรอเกี่ยว
"ยายเป็นแม่ของใครกันนะ...."
"พายายกลับบ้านเถอะ...."
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 กรกฎาคม 2553 13:02:55 โดย ขม..ค่ะ
»
บันทึกการเข้า
"มิตรภาพที่แสนดี..ทำให้ทุกวินาทีมีความหมายเสมอ"
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
Re: "พาแม่กลับบ้านนะลูก........."
«
ตอบ #1 เมื่อ:
27 มิถุนายน 2553 11:26:17 »
http://www.yimwhan.com/board/show.php?user=tunggeran&page=2&topic=2&Cate=3
"พาแม่กลับบ้านนะลูก........."
พาแม่กลับ"บ้าน"เถอะนะคะลูกๆ แค่พาแวะมาเที่ยว
แล้วให้ท่านกลับไปที่ ที่ท่าน "คุ้นชิน" ท่านน่าจะมีความสุขกว่า...
มั๊ยคะ?
ใต้ผืนฟ้า ยังท้องนา หน้าบ้านฉัน
เมื่อตะวัน เลื่อนลับ กับหุบเขา
มีเพียงแสง เลือนราง จางเพียงเงา
ฟ้าสีเทา ยามค่ำยล สนธยา
จักจั่น จิ้งหรีด กรีดปีกร้อง
ท่วงทำนอง ก้องกึก ทั่วพฤกษา
เกาะก้านกิ่ง อาศัย ในท้องนา
ยินดังว่า ความหนาว จะเข้าเยือน
ตัวหิงห้อย ส่องแสดง แสงกระพริบ
ดูระยิบ ระยับ วิบวับเหมือน
ดวงดารา ประดับฟ้า คราไร้เดือน
บินว่อนเกลื่อน ทั่วท้องนา ยามราตรี
เห็นแขไข ข้างแรม แต่งแต้มฟ้า
แสงโรยรา เหมือนมืดมน หม่นราศี
ทะมึนดำ ทั่วท้องนา หนาคืนนี้
เปรียบชีวี ของคนเหงา ซึ่งเฝ้าคอย !
โดย :
m
o
m
mam
Credit by :
http://www.muslimthai.com/mnet/content.php?bNo=48&qNo=2747&kword=
ขอบพระคุณที่มาทั้งหมดมากมาย
อนุโมทนาค่ะ
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 สิงหาคม 2553 11:56:18 โดย เงาฝัน
»
บันทึกการเข้า
AMM
บุคคลทั่วไป
Re: "พาแม่กลับบ้านนะลูก........."
«
ตอบ #2 เมื่อ:
30 มิถุนายน 2553 17:09:12 »
บทความนี้ สำหรับคนบ้านนอกอย่างเราแล้ว
มันคือสิ่งที่ทรมานใจ ที่ต้องจากบ้านมาไกล
เพื่อมาหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว อย่าว่าแต่พาแม่ พายายกลับบ้านเลย
เรา ... ก็อยากกลับบ้านเกิดเช่นกัน
อ่านแล้วน้ำตาท่วมจอ สู้ว่อย เผื่อวันหนึ่งเราจะได้กลับบ้านไปอย่างเต็มภาคภูมิ
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
Re: "พาแม่กลับบ้านนะลูก........."
«
ตอบ #3 เมื่อ:
30 มิถุนายน 2553 18:10:06 »
เป็นกำลังใจให้นะคะ.. สู้ๆค่ะ...
"พาแม่กลับบ้านนะลูก........."
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 กรกฎาคม 2553 10:09:38 โดย เงาฝัน
»
บันทึกการเข้า
varaporn
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 5
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 40
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0
Re: "พาแม่กลับบ้านนะลูก........."
«
ตอบ #4 เมื่อ:
02 กรกฎาคม 2553 21:05:13 »
สิ่งที่ดีสำหรับเราบางอย่างอาจไม่เหมาะสำหรับใครบางคน
บันทึกการเข้า
ขม..ค่ะึึ
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 1014
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.0.10
Re: "พาแม่กลับบ้านนะลูก........."
«
ตอบ #5 เมื่อ:
03 กรกฎาคม 2553 12:33:35 »
[AF4] WK8 - ค่าน้ำนม
ค่าน้ำนม
ขอน้อมกายเคารพนบกราบไหว้
บูชาคุณน้อมใจไปสวรรค์
แด่ แม่ผู้วายชนสิ้นจาบัลย์
คุณแม่นั้นมั่นยืนมิคืนคลาย
. หล่อหลอมรวมความรักจากพ่อแม่
จากความรักยิ่งแท้แปลความหมาย
จากหัวใจสองดวงหลอมละลาย
ลูกจึ่งได้ปฏิสนธิกาล
.ตามในแห่งกำเนิดเกิดจากภพ
มาประสบพบสุขสนุกสนาน
จากวิบากพรากภพนพวิญญาณ
มาจากกาลก่อนเกิดครรภ์มารดา
.จากกลละลักษณะหยาดน้ำใส
แม่เฝ้าคอยห่วงใยเป็นนักหนา
เกรงลูกน้อยกลอยใจเคลื่อนออกมา
ระวังไวลูกจ๋าอย่าสะเทือน
.แม่ถนอมออมกายให้ลูกสุข
เมื่อก่อร่างตัวลูกรูปเสมือน
อัพพุทะเป็นฟองงามประเทือง
แม่ฟูเฟื่องความสุขผูกดวงใจ
.แม่อดเปรี้ยวอดหวานมิผ่านสบ
กลัวลูกจบชีวาพาหวั่นไหว
ฤทธิ์แสลงสำแดงลูกข้างใน
แม่หวั่นไหวอันตรายลูกเปลี่ยนแปร
. แม่ออมชอมยอมล่ะในรสจัด
มิให้ลูกอัตคัดความพ่ายแพ้
สิ่งกัดกร่อนเนื้อกลอยเจ้าดวงแด
แม่เรียบแปร้แต่ลูกมีโพยภัย
.สละสวยสละสาวคราวอุ้มท้อง
แม่ไม่ร้องไม่บ่นแม่ทนได้
แม่ถนอมครรภ์แก่แม่เต็มใจ
จะหาใครเหมือนแม่แพ้ทุกคน
. ครบสิบเดือนเคลือนคลอดรอดชีวิต
แม่ใกล้ชิดลูกน้อยคอยฝึกฝน
ถึงลำบากตรากตำใจแม่ทน
สายเลือดข้นแม่กลั่นปันลูกกิน
.แม่ป้องริ้นป้องไรมิให้ผ่าน
แม่สงสารห่วงลูกกว่าทรัพย์สิน
แม่อดออมถนอมยิ่งชีวิน
แม่ได้ยินลูกร้องแม่ป้องมา
. ยามลูกร้องแม่ขมระทมไห้
ยามลูกไข้แม่ร้อนนอนผวา
ยามลูกทุกข์แม่กร่อนร้อนอุรา
ยามลูกยาสิ้นสร่างแม่สุขใจ
. คราลุกหิวแม่ยิ่งน้ำตาร่วง
แม่เป็นห่วงดิ้นรนค้นมาให้
แม้แม่อดหมดข้าวมิเป็นไร
สละได้ลูกอิ่มแม่ทนเอา
. ใครไหนเล่าอบรมบ่มนิสัย
แม้เติบใหญ่ไม่ถอยคอยนั่งเฝ้า
พระคุณเลิศประเสริฐกำเนิดเรา
ใครไหนเล่าคุณแท้เท่าแม่เอย
. เป็นลูกสาวแม่เฝ้าคอยห่วงหา
กลัวลูกยาโดนหนุ่มมาผ่าเผย
กลัวจอมใจช้ำชอกหลอกละเลย
มาเฉลยคำหวานหว่านวาจา
.คอยพร่ำบ่นจนลูกผูกสมัคร
ละความรักจากแม่หนีไกลหน้า
คิดว่าแม่ก้าวล้ำย่ำวิญญาญ์
เบื่อระอาคำแม่แท้อาทร
.กับลูกชายหมายมั่นเมื่อเติบกล้า
อภิญญาอบร่ำคำสั่งสอน
อายุครบบวชเรียนเพียรบวร
เฝ้าอาทรวรณ์ไท้เทพธาดา
. ชายผ้าเหลืองเปรื่องปราชญ์แสนบาดจิต
ขอลูกชิดเชยชมศาสนา
ปฏิบัติขัดเกลาเฟื่องปัญญา
หมายใจชายผ้าลูกผูกพาไป
.ใครหาญผิดคิดคตปดพ่อแม่
เป็นมั่นแท้อบายภูมิจะชิดใกล้
จะไปผุดจุติอวีจิไกล
สถานนี้ไร้มีกินแม้สิ้นกาย
. อันโทษทัณฑ์รอรับสดับรู้
พื้นแผ่นคุไฟร้อนเผาทั้งหลาย
ภูเขาเหล็กร้อนแรงบดมลาย
เหล็กแหลมร้อนแทงกายจากยมบาล
.กว่าสิ้นสุดจุดนี้หลายกัปนัก
มิคิดพักผ่อนผันสิ้นสงสาร
ต้องรับโทษหลายขุมหลายกับกาล
ยังมิผ่านเศษกรรมรอย่ำยี
. ในกรรมหนักหลักใหญ่เนรคุณ
ต่อบิดาเกื้อหนุนยั่งชีพนี้
มารดายิ่งเทิดทูนหนุนภักดี
ทั้งสองมีพระคุณหนุนเกิดมา
. ทั้งครูบาอาจารย์ผู้เรืองวิท
ท่านประสิทธิ์วิชาให้เก่งกล้า
ให้ความรู้ประศาสน์อภิญญา
จงน้อมกายบูชาขมาคุณ
. ในความดีมีทำวันละนิด
เฝ้าบูชิตน้อมกายใฝ่เกื้อหนุน
มีบุญญาบารมีเจิดจรูณ
นำเป็นทุนทำนบสุคติภูมิ
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 กรกฎาคม 2553 22:32:27 โดย ขม..ค่ะ
»
บันทึกการเข้า
"มิตรภาพที่แสนดี..ทำให้ทุกวินาทีมีความหมายเสมอ"
ขม..ค่ะึึ
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 1014
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.0.19
Re: "พาแม่กลับบ้านนะลูก........."
«
ตอบ #6 เมื่อ:
19 กรกฎาคม 2553 15:57:43 »
คือหัตถาครองพิภพ (2538) Title 1
คือหัตถาครองพิภพ..............
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 กรกฎาคม 2553 22:29:24 โดย ขม..ค่ะ
»
บันทึกการเข้า
"มิตรภาพที่แสนดี..ทำให้ทุกวินาทีมีความหมายเสมอ"
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
Re: "พาแม่กลับบ้านนะลูก........."
«
ตอบ #7 เมื่อ:
24 กรกฎาคม 2553 05:08:18 »
"พาแม่กลับบ้านนะลูก........."
http://www.youtube.com/watch?v=Xag0QWz5ha0&feature=player_embedded
!
ขอบคุณที่มาจาก.. น้องเรน.... ค่ะ
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 กรกฎาคม 2553 04:51:52 โดย เงาฝัน
»
บันทึกการเข้า
ขม..ค่ะึึ
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 1014
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.8
Re: "พาแม่กลับบ้านนะลูก........."
«
ตอบ #8 เมื่อ:
31 กรกฎาคม 2553 22:44:48 »
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 สิงหาคม 2553 22:38:24 โดย ขม..ค่ะ
»
บันทึกการเข้า
"มิตรภาพที่แสนดี..ทำให้ทุกวินาทีมีความหมายเสมอ"
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...