เจ กับ มังสวิรัติ ต่างกันอย่างไร ทั้งอาหารเจและอาหารมังสวิรัติเป็นอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันในรายละเอียดดังนี้
อาหารเจนอกจากไม่มีเนื้อสัตว์แล้ว ยังมีข้อห้ามว่าต้องไม่มีหอม กระเทียม ต้นกุยช่าย ผักชี และเครื่องเทศที่เผ็ดร้อนเพราะถือว่าอาหารดังกล่าวทำให้เกิดกำหนัด
วัตถุดิบที่เป็นหลักในการประกอบอาหารเจ คือ แป้ง เต้าหู้ ซีอิ๊ว ถั่วเหลือง ถั่วต่าง ๆ และผักนานาชนิดยกเว้นผักที่กล่าวมาแล้ว นอกจากนี้ผู้กินเจที่เคร่งครัด น้ำมันพืชที่ใช้ต้องบริสุทธิ์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ จะไม่ใช้น้ำมันพืชสูตรผสม เช่น น้ำมันรำข้าวปนน้ำมันถั่วเหลือง ภาชนะที่ใส่อาหารเจก็ต้องเตรียมไว้เป็นพิเศษ ไม่ใช้ปะปนกับภาชนะที่ใส่เนื้อสัตว์ ปัจจุบันอาหารเจได้รับการพัฒนารูปแบบขึ้นมาก มีการทำ “หมี่กึน” ที่ทำมาจากแป้งสาลีดัดแปลงให้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเนื้อสัตว์ นำมาปรุงอาหารสำหรับผู้ที่ยังไม่สามารถตัดขาดจากเนื้อสัตว์ได้เด็ดขาด
อาหารเจจะกินกันในระหว่างเทศกาลกินเจ คือช่วงระหว่างวันขึ้น ๑-๙ ค่ำเดือน ๙ (ตามปฏิทินจีนราวเดือนตุลาคม)ระยะเวลาประมาณ ๑๐ วัน หรือกินในระยะเวลาใดเวลาหนึ่งผู้ที่กินเจเชื่อว่าการกินเจเป็นการได้บุญ จะส่งผลให้ชีวิตประสบความสุขความเจริญ ทั้งเป็นการต่อชีวิตให้ยืนยาวต่อไป
ส่วนอาหารมังสวิรัติ โดยรูปศัพท์หมายถึงการงดเว้นเนื้อสัตว์
(มังสะ=เนื้อสัตว์ วิรัติ=การงดเว้น) ภาษาอังกฤษเรียกว่า Vegetarian
ผู้บริโภคอาหารมังสวิรัติมีสองกลุ่ม กลุ่มแรก ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ แต่ยังคงบริโภคไข่และนม กลุ่มที่สอง ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ รวมทั้งไม่บริโภคไข่และนมด้วยอาหารมังสวิรัติงดเนื้อสัตว์เหมือนกับอาหารเจ รวมทั้งเครื่องปรุงรสที่ทำมาจากสัตว์ เช่น กะปิ น้ำปลา แต่ต่างกับอาหารเจตรงที่ไม่ห้ามบริโภคกระเทียม หัวหอม ต้นกุยช่าย หรือผักที่มีกลิ่นแรงตลอดจนเครื่องเทศที่เผ็ดร้อน อาหารมังสวิรัติสามารถบริโภคได้ทั้งปี ไม่มีเทศกาลเหมือนอาหารเจ ผู้ที่กินอาหารมังสวิรัติเชื่อว่าจะทำให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง เพราะได้งดเนื้อสัตว์ซึ่งมีไขมันและสารอื่น ๆ มากมาย นอกจากนั้นยังมีประโยชน์ต่อจิตใจเพราะไม่จะเบียดเบียนชีวิตสัตว์ทั้งหลาย
ที่เล่ามานี้ “ซองคำถาม” สรุปมาจากข้อเขียนของ สิริพันธุ์ จุลกรังคะ นิตยสาร “ผู้หญิง” ฉบับที่ ๑๙๘ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๖
“ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม / สำนักพิมพ์สารคดี”