เขียนถึงความรัก 2
ตอนนี้คิดว่าตัวเองเข้าใจตัวเองแล้วว่าควรทำอย่างไรกับ ชีวิตของเรา และ ชีวิตรักในส่วนของเรา
........ก่อนหน้านี้ เมื่อความรักแบบบริสุทธิ์มันมากมายจนอินฟินิตี้ สามารถทำทุกอย่างให้ได้ เป็นห่วง
ดูแล คิดถึง จริงใจและซื่อสัตย์ เรียกว่าเต็มที่กับชีวิต(รัก) และแน่นอนว่าเต็มที่สุดๆแล้วมันคงไม่มาก
ไปกว่านั้นได้อีก แต่ทำไม ความรักของคนสองคนที่พยายามดีต่อกันถึงยังได้มีความไม่เข้าใจกัน ความเเครียด
และน้ำตาเข้ามาเป็นองค์ประกอบอยู่ได้เรื่อยๆ
ความรักแท้ น้อยลงได้ยาก แต่จิตใจของคนรักตายลงได้ง่าย เหมือนว่าความรักคือเชื้อโรคนะ มีทั้งดี
และมีทั้งไม่ดี ที่จริงมันขึ้นกับภูมิต้านทานของโฮสต์มากกว่า ว่าสามารถรับและปรับตัวได้มากแค่ไหน สุดท้าย
โฮสต์ตายเชื้อโรคยังอยู่ นี่แหละความรักแท้ เชื้อโรคแท้ๆ ตายยาก
เมื่อก่อนรักแล้วทุกข์ แต่เดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็ทุกข์อีกแล้ว มันอะไรกันนักกันหนา.....เคยลองนั่งคิดดู
ว่ามันเกิดอะไรขึ้น อะไรมันทำให้ความรักที่มากมายยังมีความทุข์ เครียด เบื่อ บู่ เสียใจ ร้องไห้ ประสาทกิน
ไม่น่าๆ แล้วก็เหมือนจะหาทางออกได้ จากคำพูดที่ว่า ความรักทำให้อยู่กันได้แต่ความเข้าใจทำใหอยู่กันยืด
เห็นทีจะใช่ เราเข้าใจกันรึเปล่า จึงเริ่มลงมือพิจารณาว่าเราไม่เข้าใจอะไรกันตรงไหน เริ่มจากฝั่งเรา ตัวเราให้
ได้ ยอมรับตัวเองว่าผิดอะไร และเราต้องปรับตัวเข้าหาอีกฝ่ายยังไงให้เราสบายใจทั้งคู่ วิธีการนี้มันต้องเวิร์คแน่
เมื่อเราทำได้เราก็บอกอีกฝ่ายให้ทำมั่ง แต่จะต้องพยายามหน่อยค่อยๆปรับกัน ระหว่างทางมันทุลักทุเลน่าดู
แต่วันนึงเราก็ตกลงกันได้แล้วทั้งคู่ และดูเหมือนจะจบปัญหาความทุกข์ต่างๆนานา
วันรุ่งขึ้นหลังจากความไม่เข้าใจเคลียร์กันไป บรรยากาศดีขึ้นเป็นกอง ตกเย็นนั้นเองความทุกข์มันมา
อีกแล้ว เห้ยย.....อะไรเนี่ยยยย จากจุดเล็กๆที่ว่า ติดต่อไม่ได้จนลุกลามเป็นเคยคิดบ้างไหมว่าเราห่วง เอาอีกแล้ว
มันมาอีกแล้วความเสียใจ น้ำตา เป็นบ้าเป็นหลังและเราเป็นอยู่ฝ่ายเดียวโดยทที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหายไปไหน
จนเลิกน้อยใจ กลายเป็นห่วง เป็นอะไรหรือเปล่า มีอะไรไม่ดีหรือเปล่า ทุกข์อีก บร๊ะเจ้าาาาาาาาาาา
ความสบายใจของคนมีความรักมันอยู่ที่ไหน ยังไม่มีอะไรแท้ๆก็เครียดได้แล้ว จนนอนนิ่งจนเนือย จนหมดแรง
ระหว่างที่กำลังนอนหมดแรง หมดอะไรตายอยากจากคำว่าเมื่อไหร่จะไม่ต้องเครียดกับความรัก เมื่อไหร่จะสบายใจ
ญาติที่รักและเป็นห่วงเดินเข้ามาพร้อมกันแล้วปรับทุกข์กันที่ปลายเตียงนอน ป้าพาพี่ไปหาหมอด้วย
โรคไต แต่ผลตรวจเลือดไม่ดีเลยนะ ทั้งที่พยายามด้วยกันทั้งคู่ทั้งคนป่วยที่หันมาออกกำลังกายพอเหมาะ
ควบคุมการกิน ฝ่ายคนดูแลก็พิถีพิถันในเรื่องของอาหารต้องทำเอง ต้องสะอาด ต้องคุมนู่นนี่ สารอาหาร
วัดความดันกันตลอด บินไปหาหมอที่ต่างประเทศอีกทาง ธรรมะก็เอา ไหว้เจ้าก็เอา และคนทั้งคู่เป็นคนจิตใจดี
ผลออกมาแบบนี้ท้อกันหมด หนำซ้ำเภสัชกรจ่ายยาตามที่หมอสั่งจากลายมือหวัดๆผิด จ่าย sodium chloride
ทั้งที่ตรงจุดรับยาก็ต้องมีการเรียกรับและอธิบายยาและการกิน เค้าก็ยังไม่เอะใจเป็นต่อที่สอง หมอจะจ่ายเกลือ
ให้คนไข้โรคไตทำไม ....ใช่สี้ คนไข้ไม่ใช่ญาตินี่เนอะ ความห่วงใยความใส่ใจมันไม่เท่ากันอยู่แล้ว ของธรรมดา
พอเห็นแบบนี้เลยนึกถึงทุกคนที่เรารัก ทั้งครอบครัวและคนรักขึ้นมาทันทีเลย ว่าใครจะมารักและห่วงใยคนที่เรารัก
ได้มากและดีเท่าเรา ก็ไม่น่าจะมี จริงๆแล้วแค่เค้ายังมีชีวิตอยู่ดี สุขสบายไม่เจ็บป่วย เราก็น่าจะยินดี และแค่นี้
ก็พอใจได้แล้ว จะเอาอะไรกันนักกันหนา เลยพาลนึกถึงตัวเอง เอ่อนะ เราห่วงมาก คิดมาก ก็อยากจะให้คนอื่น
คิดถึงเราบ้าง พอไม่ได้ ก็เอาละ เครียด โบ้ยนู่นนี่ ถ้าเราทำของเราให้ดีที่สุด ห่วงนั่นแหละทำดีเหมือนเดิมนั่นแหละ
และรู้ว่าคนที่เรารักยังอยู่สุขสบายดีก็สบายใจได้แล้ว แค่ยังมีชีวิตอยู่ให้เรารักก็พอใจแล้ว จริงๆ
พอความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้น ก็รู้เลยว่าที่ผ่านมาเราทำตัวเองแท้ๆ เท่านี้ก็พอ เท่านี้ก็สุขใจพอแล้ว
ถ้าอ่านห้องนี้บ่อยๆ เจอแน่ๆ ไม่รักก็ไม่ทุกข์ ค่ะมันจริงแท้แน่นอน ตือโป๊ยก่ายก็บอกอยู่เสมอ
แต่ถ้าเราเลือกจะรัก ก็น่าจะให้รักแล้วสร้างความทุกข์ให้น้อยที่สุด เชื้อโรคไง ทำให้เราอยู่กับมันแล้วสุข
ที่สุดเท่าที่จะทำได้ คำว่าความรักแท้น่าจะสร้อยคำพ่วงอีกหน่อยว่า รักแท้และให้ด้วยรัก ให้แบบเต้มที่
ไม่ต้องหวังคืนก็จะไม่เฝ้ารอ และตระหนักไว้ว่าคนเราทุกคนต้องตาย ดังนั้นการที่เรายังมีคนที่เรารักอยู่
ข้างๆเท่านี้ก็โชคดีแล้ว ไม่ต้องอะไรมากมาย พอใจ
สวัสดี