ไม่อยากผูกกรรม..ก็ควรอโหสิกรรมให้แก่กัน
ถาม : คน ๒ คนที่ีมีกรรมกันแล้วทะเลาะกันโกรธกัน สมมติว่าอีกคนยอมปรับตัว แต่ว่ายังมีกรรมกันอยู่นี่จะเกิดอะไรขึ้นครับหรือว่าจะมีเรื่องใหม่อีก ?
ตอบ : ถึงเวลาผลมันก็จะสนองไปอีก ถ้าหากว่าพูดถึงในปัจจุบัน ถ้าฝ่ายหนึ่งยอมปรับตัวอีกฝ่ายหนึ่งยอมรับได้มันก็ดีกันได้ แต่ว่าสิ่งที่ทำไปแล้วม้ันก็ส่งผล มันไม่ได้ส่งผลในปัจจุบัน แต่มันส่งผลในอนาคต สิ่งที่เราทำในปัจจุบันจะเป็นผลในอนาคต ถ้าไม่ได้เอ่ยขออโหสิกรรมต่อกัน ผลอันนั้นก็จะไปเกิดในอนาคตอีก
ถาม : เกิดเป็นคนอื่นหรือเป็นคนเดิม ?
ตอบ : อาจจะเป็นคนเดิมหรือคนอื่นอาจจะสร้างผลอันนี้ให้กับเรา ในลักษณะเดียวกันในแบบเดียวกันต้องรับแน่ๆ จริงๆ ถ้าขออโหสิกรรมได้ตรงที่สุดจะใช้วิธีไหนก็ได้ว่า สิ่งทั้งหมดที่เราได้ล่วงเำกินเธอมาทั้งหมด ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันขอให้เป็นอโหสิกรรมได้มั้ย ? ถ้าเขาโอเครับได้ก็จบเลย เพราะฉะนั้นไปหาทางหลอกให้เขาพูดให้ได้ก็แล้วกัน จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจถ้าคุณหลุดปากออกมาก็เจ๊ํงแล้ว ไม่เต็มใจจะให้แต่เผลอไปเซ็นแล้วผลตามกฎหมายมันมีแล้วนี่
ถาม : คิดว่าเราไม่รู้จักกับเขาเลย ไม่อยากผูกกรรมกับเขา ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเราไม่ต้องการผูกกรรม กำลังใจเราคลายฝ่ายเดียวก็โดนเขาตีฝ่ายเดียว เราเองจะทนไปได้กี่ชาติก็ไม่รู้ ให้เขาอโหสิกรรมนี่เป็นการแก้ไขโดยตรง หรือไม่อีกทีหนึ่งก็เป็นพระอรหันต์เสีย
ถ้าเป็นพระอรหันต์นี่ท่านบริสุทธิ์เสียจนกระทั่งกรรมต่างๆ มันจะตามไม่ทัน มันจะเป็นการอโหสิกรรมโดยอัตโนมัติ แต่ว่าตราบใดที่ท่านยังมีร่างกายอยู่กระแสกรรมมันก็เศษกรรมมันจะทวงได้ แต่ว่ากรรมใหญ่ที่ทำไว้จะจบลงหมดเกลี้ยง
ถาม : แล้วอย่างที่คนเสียชีวิตไปแล้วเราไปขออโหสิกรรมนี่ เป็นการขออโหสิกรรมของเรา ?
ตอบ : อันนี้เราฝ่ายเดียวแน่ๆ ยกเว้นว่าเขาจะโผล่หน้าออกมาบอก เออ ยกโทษให้ แล้วเราก็ช็อก
สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๔
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ