เมื่อสมัยที่ลูกของผมเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนเอกชนย่านชานเมืองของกรุงเทพ ตอนกลางวันผมได้ไปหาลูกของผมที่โรงเรียน โดยไปนั่งอยู่บริเวณใกล้ ๆ ห้องพักครู ซึ่งเป็นชั้นสองของอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้
เมื่อผมไปนั่งได้สักพัก ก็มีครูผู้หญิงคนหนึ่งเปิดประตูออกมาจากห้องที่ติดกับห้องพักครู ซึ่งเธอก็มีบุคลิกที่ดูดีเหมือนครูทั่วไป แล้วครูผู้หญิงท่านนั้น ก็ พูดกับผมด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำเหมือนครูทั่ว ๆ ไปว่า ผู้ปกครองค่ะ เข้ามานั่งในห้องนี้ก่อนก็ได้นะค่ะ เดินเล่นดูอะไรไปก่อนในห้องนี้ก็ได้นะค่ะ ผมเดินเข้าไปในห้องแล้ว ผมก็เลยถามคุณครูท่านนี้ว่า คุณครูไม่อยู่ห้องโน้นหรือครับ คุณครูตอบว่า ห้องนั้นเต็มแล้ว ก็เลยมาอยู่ห้องนี้ค่ะ ผู้ปกครองเดินดูอะไรเล่น ๆ ไปก่อนเดี๋ยวดิฉันมานะค่ะ
แล้วคุณครูก็เดินไป
ผมเดินสังเกตุห้องนั้นรู้สึกแปลกใจ เพราะดูไปแล้วรู็สึกว่าจะเหมือนกับห้องเก็บของมากกว่า พอผมดูอะไรไปสักครู่ ก็มีครูอีกท่านหนึ่งเดินผ่านมา แล้วพูดกับผมว่า ผู้ปกครองค่ะเชิญไปนั่งรอในห้องพักครูก่อนดีกว่าค่ะ ผมก็พูดว่าเมื่อกี้มีครูเขาให้ผมมานั่งในห้องนี้ ครูท่านนี้มองดูผมแบบ งง งง แล้วครูท่านนี้ก็พาผมไปนั่งในห้องพักครู
พอประมาณ บ่ายโมงกว่า ๆ ครูทุกคนในตึกนี้ก็มานั่งกันอยู่ในห้องพักครู แล้วครูท่านนี้ก็ถามผมว่า ครูคนไหนที่เรียกให้ผมเข้าไปในห้องนั่น ผมบอกว่าไม่มี สงสัยจะเป็นคนูที่ตึกอืนหรือเปล่า ครูก็ตอบว่า ครูที่ตึกอื่นไม่มีมีใครมาตึกนี้หรอกค่ะ
แล้วคุณครูท่านนี้ก็เดินออกไปสักพักพร้อมกับหยิบแฟ้มใบสมัครครู มาให้ผมดู แล้วบอกว่าให้ผมดูว่าครูคนไหนที่เรียกผมให้เข้าไปในห้องนั้น ผมก็เปิดแฟ้มดูพลิกไปสองสามหน้า แล้วผมก็ชี้ให้ดูรูปถ่ายของครูที่เรียกผมให้เข้าไปในห้องนั้น ให้ครูท่านนี้ดู
ครูท่านนี้ พูดกับผมว่า ผู้ปกครองรู้ไหมห้องนั้นไม่ได้ใช้งาน ล๊อคประตูอยู่ ผู้ปกครองมีเซนส์สัมผัสที่ 6 ถึงได้เห็น ครูคนนี้เขาตายไปตั้งนานแล้ว ผมไม่ตกใจหรือแปลกใจอย่างไรกับเรื่องที่ผมเจอแต่ผมรู้สึกชินชากับเรื่องแบบนี้ เพียงแต่คิดในใจว่า เจออีกแล้ว
ผมมาทราบภายหลังว่า มีครูผูกคอตายในห้องนั้น นานแล้ว ทางโรงเรียนจึงปิดห้องไม่ใช้งาน ภายหลังก็มีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ครู ในปัจจุบันห้องนี้ก็เปิดเป็นห้องเรียนปกติแล้ว และครู และนักเรียนรุ่นใหม่ ๆ ก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เท่าไร
เรื่องเล่าจากทางบ้าน