ขับรถหน้าฝนให้ปลอดภัย ขณะนี้ไม่แน่ใจว่าบ้านเราได้ย่างเข้า สู่หน้าฝนหรือยังแต่ที่รู้ๆ คือเดี๋ยวมีฝน เดี๋ยวอากาศร้อน เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมมีผลต่อการใช้รถแน่นอน “ร.ย.ส.ท.” (ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย) มีเรื่องพื้นฐานของรถที่ต้องทำเมื่อขับรถเจอ “น้ำฝน” การดูแล ระบบต่างๆ ของรถและเครื่องยนต์ให้มีสภาพสมบูรณ์ เพราะรถเสียกลางฝน ย่อมลำบากและยุ่งยากกว่าตอนฝนไม่ตก สิ่งที่ต้องดูแลไม่ว่าจะเป็น
1. ระบบการปัดน้ำฝนน้ำฉีดกระจกควรเติมให้เต็ม ถ้ารูหัวฉีดน้ำตันให้ใช้เข็มขนาดเล็กแหย่สวนทางเข้าไป ยางใบปัดน้ำฝน ควรหมั่นตรวจดูว่ายางหมดสภาพการใช้งานหรือยัง บางคันยางนี้อยู่ได้ถึง 1-2 ปีหรือกว่านั้น แต่โดยเฉลี่ยทุก 1 ปีควรเปลี่ยนใหม่ การทนขับรถกระจกมัวๆท่ามกลางสายฝน เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
2. ยางล้อรถสำคัญมากความลึกของร่องยางหรือความสูงของดอกยาง มีผลต่อประสิทธิภาพของการรีดน้ำของยาง ยางที่ยังถูกรีดขึ้นมาจาหน้ายางแทรกตัวอยู่ หรือสะบัดออกด้านข้างทั้งสองของแก้มยาง ร่องยางหรือดอกยาง ควรเหลือไม่ต่ำกว่า 1.5-2 มิลลิเมตร
3. อย่าวางใจสภาพถนนเมื่อขับรถผ่านเส้นทางที่มีฝน มีน้ำขังควรลดความเร็วลงจับพวงมาลัยในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม ตำแหน่งที่ดีที่สุดของการจับมือซ้ายอยู่ที่ 9 นาฬิกา และมือขวา 3 นาฬิกา ถนนเมืองไทยมีทั้งแอ่งน้ำและการระบายน้ำที่ไม่ดีคละกันอยู่บ่อยๆ นอกจากอาการเหินน้ำแล้วก็ต้องทราบไว้ว่าช่วงที่ฝนเริ่มตกใหม่ๆ จะลื่นที่สุดเมื่อตัดสินใจลุยฝ่าในแอ่งน้ำ ควรชะลอความเร็วลงและใช้เกียร์ต่ำ วิ่งด้วยความเร็วสม่ำเสมอจนกว่าจะพ้นน้ำ ไม่ควรเบรกขณะรถอยู่ในน้ำ เพราะอาจทำให้รถปัดได้ ส่วนการขับรถบนถนนลื่น อย่าเหยียบเบรกแรงครั้งเดียว เพราะจะทำให้รถเสียหลัก ควรค่อยๆ ย้ำเบรกอย่างนิ่มนวล เพิ่มระยะทางและใช้เวลาในการเบรกนานขึ้น เมื่อพ้นน้ำแล้ว ย้ำเบรกหลายๆครั้ง ให้เกิดความร้อนเพื่อให้ผ้าเบรกแห้งเร็วขึ้น
4. ใช้ไฟอย่างถูกต้อง เมื่อฝนตกหนักถ้าฝนตกหนักควรเปิดไฟหน้าแบบต่ำ เพราะถ้าเปิดไฟสูง สายฝนจะสะท้อนกลับมายังผู้ขับมากจนมองเส้นทางข้างหน้ายาก ไม่ควรเปิดไฟหรี่ เพราะการเปิดไฟหน้าแบบต่ำ แทบไม่ได้สิ้นเปลืองอะไรเลย ไดชาร์จ(อัลเตอร์เนเตอร์) แทบไม่ได้ทำงานหนักขึ้นหลอดไฟหน้าจะอายุสั้นลงก็ไม่ใช่ปัญหา หลอดละร้อยสองร้อยบาทเท่านั้น เมื่อจะเปลี่ยนเลน ให้เปิดไฟเลี้ยวเตือนผู้อื่นล่วงหน้าตาม ขับรถลุยฝนใช้ความเร็วต่ำกว่า อย่าชะล่าใจควรจับพวงมาลัย 2 มือในตำแหน่งที่แนะนำไว้ข้างต้น พร้อมจะลดความร็วลงได้อย่างรวดเร็ว ระวังอาการเหินน้ำของยางไว้ทุกวินาที
5. ไม่มีเอบีเอส เบรกอย่างไรถ้ารถไม่มีระบบเบรก เอบีเอส การเบรกแรงๆ บนถนนลื่น ล้อมีโอกาสล็อกได้ง่าย ล้อที่ล็อกจะขาดการบังคับควบคุมทิศทางจากพวงมาลัยหรือทำให้รถปัดเป๋จนถึง ขั้นหมุนคว้างได้ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่ากระแทกแป้นเบรกแรงๆ หากจำเป็นและรู้สึกว่าล้อล็อกแล้ว ควรละเบรกเล็กน้อยเพื่อให้ล้อคลายการล็อก ส่วนการขับรถที่มีเอบีเอสก็อย่าชะล่าใจ เพราะถึงเอบีเอสจะป้องกันล้อล็อก แต่นั่นก็แสดงว่าเป็นการเบรกที่รุนแรงเกินไปนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์