กฤษฎาภินิหารของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อทรงพระเยาว์จากหนังสือเรื่องของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๘๗ หน้า ๑ บันทึกไว้ว่า
วัดโกษาวาสแห่งนี้ (วัดเชิงท่า) มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดคลัง มีเรื่องเล่าว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์มีนามว่า สิน ขณะพระชนมายุได้ ๙ พรรษา เจ้าพระยาจักรีได้นำไปฝาก
ให้เป็นศิษย์ของพระอาจารย์ทองดี วัดโกษาวาส ให้ศึกษาเล่าเรียนหนังสือไทย ขอม และคัมภีร์พระไตรปิฎก
เมื่อพระชนมายุได้ ๑๓ พรรษา วันหนึ่ง นายสินคิดตั้งตนเป็นเจ้ามือบ่อนถั่ว จึงได้ชักชวนบรรดาศิษย์วัดเล่นการพนัน
พระอาจารย์ทองดีทราบเรื่องจึงลงโทษทุกคน โดยเฉพาะนายสินเจ้ามือถูกลงโทษหนักกว่าคนอื่น
พระอาจารย์ให้มัดมือคร่อมกับบันไดท่าน้ำเพื่อประจานให้เข็ดหลาบ นายสินถูกมัดแช่น้ำตั้งแต่เวลาพลบค่ำ
พอดีเป็นช่วงเวลาที่น้ำขึ้น พระอาจารย์ทองดีไปสวดพระพุทธมนต์จนลืมท่าน จนกระทั่งประมาณยามเศษ
เมือพระอาจารย์นึกขึ้นได้จึงให้พระภิกษุสงฆ์ซึ่งเป็นอันเตวาสิก ช่วยกันจุดไต้ค้นหา ก็พบนายสินอยู่ริมตลิ่ง
ในสภาพที่มือยังผูกมัดติดอยู่กับบันได แต่ตัวบันไดกลับหลุดถอนขึ้นมาอย่างอัศจรรย์ เมื่อพระภิกษุสงฆ์ช่วยกันแก้มัดนายสินแล้ว
พระอาจารย์ทองดีจึงพาตัวนายสินไปยังอุโบสถ และให้นั่งลงท่ามกลางพระภิกษุสงฆ์
แล้วให้พระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายสวดพระพุทธมนต์ด้วยชัยมงคลคาถาเป็นการรับขวัญ
ต่อมาเมื่อนายสินเรียนจบการศึกษา เจ้าพระยาจักรีก็ได้นำไปถวายตัวรับราชการเป็นมหาดเล็ก
ในราชสำนักสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ จนอายุได้ ๒๑ ปี ก็ได้อุปสมบทอยู่กับอาจารย์ทองดี ณ วัดโกษาวาส และบวชอยู่นานถึง ๓ พรรษา
ส่วน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งพระนามเดิมว่า ทองด้วง ซึ่งเป็นพระสหายของท่าน
ขณะนั้นก็ได้บวชอยู่ ณ วัดมหาทลาย (วัดไฟไหม้) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับวัดพระญาติการาม
ด้านทิศใต้ในท้องที่ตำบลไผ่ลิง อำเภอพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันกลายเป็นวัดร้าง สิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด
ได้ชำรุดทรุดโทรมปรักหักพังไปหมดสิ้นแล้ว คงเหลือแต่รากฐานเจดีย์เท่านั้น