[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
22 ธันวาคม 2567 20:18:32 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: 極樂淨土 九品蓮華  (อ่าน 3774 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.8 Firefox 3.6.8


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 05 กันยายน 2553 13:29:23 »



極樂淨土九品蓮華

ปุณฑริก ๙ ระดับชั้นแห่งสุขาวดี

แปลจาก อมิตยุรธยานสูตร ภาคภาษาจีน

สรรพสัตว์ผู้ปรารถนาจักไปอุบัติยังดินแดนสุขาวดี พึงต้องมีจิต ๓ ประการ ถึงจะไปบังเกิดได้มี..............

๑.มีจิตตั้งมั่น

๒.มีจิตศรัทธาลึกซึ้ง

๓.มีจิตปณิธาน หากมีจิตทั้ง ๓ ประการนี้

ย่อมได้อุบัติที่{สุขาวดีพุทธเกษตร}แน่นอน ยังมีสรรพสัตว์อีก ๓ ประเภท

ที่จักได้ไปอุบัติด้วย คือ...............................

๑.ผู้มีจิตเมตตา ไม่ฆ่าสัตว์ มีศีลสมบูรณ์ ไม่ด่างพร้อย

๒.ผู้สาธยาย อ่านท่องพระธรรมมหายาน

๓.ผู้ปฏิบัติอนุสสติ  ๖

พุทธานุสติ

ธรรมานุสติสังฆานุสติ

ศีลานุสติ ทานานุสติ เทวานุสติ

แล้วตั้งจิตมุ่งไปเกิดยังสุขาวดีโลกธาตุ หากเมื่อสมบูรณ์ในกุศล เหล่านี้ครบ ๑ ถึง ๗ วันก็จักได้อุบัติที่สุขาวดีพุทธเกษตรแน่นอน



ชั้นที่ ๙{สูงสุด}


ด้วยเหตุที่บุคคลนั้นมีความเพียรแกล้วกล้า พระอมิตาภะพุทธะ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ และพระพุทธนิรมิตจำนวนอสงไขย พระภิกษุจำนวนร้อยพัน{๑๐๐,๐๐๐}หมู่เทพยดาจำนวนไม่มีประมาณ ปราสาท ทิพยมณเฑียรสถาน อันประดับด้วยสัปตรัตนะ
จะมาปรากฎภาพอยู่เบื้องหน้าบุคคลนั้นพระอมิตาภะพุทธะ จะทรงเปล่งมหารัศมีโอภาส มายังกายของบุคคลนั้น และพระโพธิสัตว์ทั้งปวงจะยื่นพระหัตถ์ออกมารับ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ ก็จะกล่าวสดุดีถึงจิตที่พากเพียรนั้นเมื่อผู้นั้นได้ประสบเช่นนี้ จึงเกิดความปราโมทย์ยินดี เป็นอุเพงคาปิติ{โลมาลุกชัน}จักแลเห็นตนเองนั่งอยู่ในวชิรอาสน์{ที่นั่งเพชร}ลอยเคลื่อนตามพระพุทธเจ้าไปเวลาชั่วลัดนิ้วมือเดียว
ก็ไปอุบัติยังสุขาวดีเมื่ออุบัติยังสุขาวดีแล้ว จักได้พบพระพุทธกายที่มีมงคลลักษณะสมบูรณ์ ได้พบพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ที่มีรูปลักษณ์สมบูรณ์ จักได้สดับพระธรรมเทศนา เมื่อได้ฟังแล้วจักบรรลุ อนุตปตติก ธรรมกษานติ จากนั้นจักท่องเที่ยวไปกระทำพุทธกิจยังโลกธาตุทั่วทศทิศ ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์เหล่านั้น แล้วกลับมาสู่สุขาวดีโลกธาตุ บรรลุธารณีธรรมจำนวนอมิตะร้อยพันประการ


<a href="http://www.youtube.com/v/vImtI2gu41g?fs=1&amp;amp;hl=en_US" target="_blank">http://www.youtube.com/v/vImtI2gu41g?fs=1&amp;amp;hl=en_US</a>


The Wisdom of Compassion and Awakening ภูมิปัญญาของความเมตตา


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 กันยายน 2553 15:18:23 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.8 Firefox 3.6.8


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 05 กันยายน 2553 13:33:55 »




ชั้นที่ ๘


ผู้ที่ไม่เพียงแต่น้อมรับ ยึดมั่นในพระธรรม แต่ยังสามารถกล่าวแสดง จำแนกปรมัตถสัตย์ได้อย่างช่ำชองพิศดารในจิตมิตระหนกหวาดหวั่น เชื่อมั่นในเหตุผลแห่งกรรมยิ่งนัก มิให้ร้ายโพธิสัตวธรรม{มหายาน}โดยอุทิศกุศลนี้ เพื่อขอไปอุบัติยังสุขาวดีโลกธาตุบุคคลนี้ เมื่อกาลจักสิ้นชีพ พระอมิตาภะพุทธะ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ และพระอริยบริษัทจำนวนไม่มีประมาณจะทรงชมพูนุชปัทมา{ดอกบัวทองคำชมพูนุช} มายังเบื้องหน้าบุคคลนั้น แล้วกล่าวว่า ดูก่อนธรรมาบุตร เธอเป็นผู้ดำเนินตามโพธิสัตวจริยา{มหายานจริยา}รู้แจ้งแลจำแนกซึ่งปรมัตถสัตย์ ด้วยเหตุนี้เราจึงมารับเธอ พระพุทธเจ้าจำนวน ๑,๐๐๐ องค์ที่พระอมิตาภะพุทธะทรงนิรมิตจักยื่นพระหัตถ์ออกมารับบุคคลนั้นพร้อมกัน ผู้นั้นจักแลเห็นตนเองนั่งอยู่บนแท่นทองชมพูนุช พนมมือ และสรรเสริญพระคุณแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง แล้วในเวลาขณะเดียว ก็ไปอุบัติยังสัปตรัตนโบกขรณี ในสุขาวดีโลกธาตุทันที แลสุวรรณชมพูนุชอาสน์นั้นก็จักแปรเปลี่ยนเป็นปุณฑริกมาศดอกมหึมา แล้วค่อย ๆ ผลิบานออกอันกายของผู้นั้นจักอร่ามเรืองรองดั่งสีแห่งทองชมพูนุช ใต้บทบาทจะมีสัปตรัตนปทุมมาลย์รองรับอยู่ในเพลานั้น พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ทั้งปวง จะทรงเปล่งพระรัศมีไปยังบุคคลนั้น ๆ จึงลืมตาขึ้นด้วยเหตุที่ได้ปฏิบัติบำเพ็ญมาแล้วแต่กาลก่อน เมื่อได้สดับเสียงแห่งธรรมต่างๆ ที่กล่าวแสดงถึงปรมัตถสัตย์อันคัมภีรภาพแล้ว จึงก้าวลงจากสุวรรณอาสน์ แล้วพนมกรถวายอภิวาท และสรรเสริญต่อพระพุทธองค์ผ่านไป ๗ วัน ก็จักเป็นผู้มั่นคงต่อพระอนุตรสัมโพธิญาณ ไม่เสื่อมถอยอีกต่อไป สมัยนั้นจักจาริกท่องเที่ยวไปในทิศทั้งสิบ เพื่อกระทำพุทธกิจ แล้วได้ดำรงอยู่ในสมาธิทั้งปวงที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายได้ทรงบำเพ็ญแล้วผ่านไปอีก ๑ จุลกัลป์๑๑ จักได้บรรลุอนุตปตติกธรรม{กษานติ}และได้รับพุทธพยากรณ์ ๑๑ จุลกัลป์ นับตั้งแต่อายุมนุษย์เหลือ ๑๐ ปี โดยผ่านไปทุก ๆ ๑๐๐ ปี อายุจะเพิ่มขึ้น ๑ ปี เรื่อยไปจนถึง ๘๔,๐๐๐ ปี จากนั้นให้ผ่านไปอีกทุก ๆ ร้อยปี ให้ลดอายุลง ๑ ปี ไปจนอายุมนุษย์เหลือ ๑๐ ปีตามเดิม ถึงเรียกว่า{จุลกัลป์}๒๐ จุลกัลป์ เป็น ๑ มัชฌิมกัลป์ ๔มัชฌิมกัลป์เป็น ๑ มหากัลป์


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 กันยายน 2553 13:58:04 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.8 Firefox 3.6.8


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 05 กันยายน 2553 13:36:37 »



ชั้นที่ ๗


สรรพสัตว์ผู้ศรัทธาเชื่อมั่นในเหตุผลแห่งกรรม มิทำลายโพธิสัตวยาน{มหายาน}ได้ประกาศพระอนุตรสัมโพธิจิต แล้วอุทิศกุศลนี้เพื่อ
ไปอุบัติยังสุขาวดีโลกธาตุบุคคลนี้เมื่อคราจะสิ้นอายุขัย พระอมิตาภะพุทธะ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ พร้อมด้วยพระโพธิสัตว์ทั้งปวง จะทรงสุวรรณปทุมชาติ แล้วนิรมิตพระพุทธเจ้า ๕๐๐ องค์ เพื่อมารับบุคคลนี้ก็อันพระพุทธเนรมิตทั้ง ๕๐๐ นี้จะยื่นพระกรออกมาพร้อมกัน แลตรัสว่า ดูก่อนธรรมาบุตร เธอเป็นผู้บริสุทธิ์นิรมล ได้ประกาศ{บังเกิด}พระอนุตรโพธิจิต เราตถาคตมารับเธอ”เมื่อบุคคลนี้ได้ประสบเหตุการณ์เช่นนี้แล้วจักยลเห็นตนเองนั่งอยู่ในบัวทองคำ เมื่อนั่งลงแล้วบัวนั้นจักหุบ แล้วลอยตามพระพุทธเจ้าทั้ง ๕๐๐ นั้นไปจนถึงสัปตรัตนโบกขรณี ในสุขาวดีโลกธาตุเป็นเวลา ๑ ทิวาราตรี ปทุมชาตินั้นจักบานออกใน ๗ วารจักได้พบพระพุทธองค์ แต่ทว่าแม้นจักได้เห็นมงคลลักษณะแห่งพระพุทธกายนั้นแล้ว ในจิตก็ยังมิรู้แจ้ง ผ่านไปอีก ๒๑วารจึงได้รู้แจ้งพระสัทธรรมจักได้สดับซึ่งสรรพเสียงทั้งปวง ที่ล้วนแต่กล่าวเป็นสัทธรรม แล้วเที่ยวไปในทิศทั้งสิบ เพื่อถวายสักการะพระพุทธเจ้าทั้งปวง ยังเบื้องพระพักตร์นั้นแล จักได้สดับพระพุทธเทศนาจากพระพุทธโลกนาถเหล่านั้นผ่านไปอีก ๓ จุลกัลป์ จักได้สำเร็จ ศตธรรมทวาร แล้วบรรลุปฐมภูมิแห่งพระโพธิสัตว์



ชั้นที่ ๖


สรรพสัตว์ผู้สมาทานเบญจศีล{อัฏศีล}และศีลทั้งปวง มิกระทำอนันตริยกรรม ๕ และความผิดชั่วทั้งปวง แล้วอุทิศกุศลนี้ เพื่อขอไปอุบัติยังสุขาวดีโลกธาตุเมื่อเพลาจักสิ้นใจ พระอมิตาภะพุทธะ พร้อมด้วยภิกษุบริษัทผู้ติดตาม จักทรงเปล่งสุวรรณประภาสเรืองรองสว่างไสว มายังบุคคลนั้น แล้วประทานพระธรรมเทศนาเรื่องทุกข์ ศูนยตา อนิจจตา อนัตตาสรรเสริญเนกขัมมะ(การออกบวช การออกจากกาม) และวิมุตติคุณ
อันหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงก็เมื่อบุคคลนั้น ได้สดับแล้ว ในจิตย่อมเกษมยินดีมหาศาล ยลเห็นกายแห่งตนนั่งอยู่บนปัทมอาสน์คุกเข่า(แบบยืดตัวขึ้น)
แล้วพนมกร ถวายอภิวาทพระพุทธองค์อยู่เมื่อเงยหน้าขึ้น จักพบว่าตนเองได้มาอุบัติยังสุขาวดีพุทธเกษตรแล้ว แล้วแลปัทมชาตินั้นจักค่อย ๆ ผลิบานออกทีละน้อย ก็เมื่อขณะที่กำลังผลิออกนั้น จะได้สดับเสียงที่สรรเสริญจตุราริยสัจ ในบัดดลก็จักได้บรรลุอรหันตผลในทันที สมบูรณ์ซึ่งวิชชา
๓ อภิญญา ๖ แลสมบูรณ์ในวิโมกษ์ ๘

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 กันยายน 2553 14:01:21 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.8 Firefox 3.6.8


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 05 กันยายน 2553 13:43:09 »



ชั้นที่ ๕


สรรพสัตว์ผู้สมาทานอุโบสถศีลแม้เป็นเพลา ๑ ทิวากับทั้ง ๑ ราตรี หรือสมาทานสามเณรศีล สมบูรณศีล เป็นเพลา ๑ ทิวาราตรี สำรวมระวังซึ่งอิริยาบท แล้วอุทิศกุศลนี้เพื่อขออุทิศไปอุบัติยังสุขาวดีพุทธเกษตร อันบุคคลผู้มีความหอมด้วยศีลาจารนี้ เมื่อคราที่จะกระทำกาละจะได้พบ
กับพระอมิตาภะพุทธเจ้าพร้อมด้วยบริษัทบริวารทั้งปวง ที่ทรงเปล่งสุวรรณประภาสสว่างไสว ทรงสัปตรัตนปทุมมาลย์ ประทับมายังเบื้องหน้าบุคคลนั้น
ผู้นั้นจะได้ยินเสียงก้องมาในนภากาศ เฉพาะตนคนเดียวว่า ดูก่อนกุลบุตร เธอผู้เป็นกุศลบุคคลผู้บำเพ็ญตามพระธรรมแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายในตรีกาล เราตถาคตมารับเธอ บุคคลนั้นจักพิศเห็นตนเองนั่งอยู่ในปทุมชาติ บัวนั้นจักหุบแล้วลอยไปอุบัติยังสัปตรัตนปทุมในแดนสุขาวดี ผ่านไป ๗ วาร ปทุมชาตินั้นจักบานออก แล้วลืมตาขึ้น ประนมกร กล่าวสรรเสริญพระพุทธคุณ ได้สดับพระธรรมเทศนา แล้วได้บรรลุโสดาปัตติผลในเบื้องต้นผ่านกาลไปอีกครึ่งกัลป์จักได้บรรลุซึ่งความเป็นพระอรหันต์แล

 

ชั้นที่ ๔



กุลบุตร กุลธิดาผู้มีความกตัญญู เลี้ยงดูบุพการี ดำเนินอยู่ในโลกด้วยความเมตตากรุณา บุคคลเหล่านี้ เมื่อคราจะสิ้นชีพ จะได้พบกัลยาณมิตร มากล่าวถึงเรื่องราวของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ความสุขของสุขาวดีโลกธาตุ และพระมหาปณิธาน ๔๘ ประการของภิกษุธรรมกร๑๔เมื่อได้สดับแล้ว จึงค่อยๆสิ้นใจลง อุปมาช่วงเวลาที่ผู้มีกำลัง เหยียดแขนจนสุดแล้วดึงกลับ บุคคลนั้นก็ได้ไปอุบัติยังสุขาวดีพุทธเกษตรแล้วผ่านไป ๗ วารจัก
ได้พบพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ แล้วได้สดับพระธรรมเทศนา จิตเกิดความยินดีปราโมทย์ จักได้บรรลุโสดาปัตติผลใน
ขณะนั้น ผ่านไปอีก ๑ จุลกัลป์ จึงได้สำเร็จซึ่งความเป็นพระอรหันต์


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 กันยายน 2553 14:15:22 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.8 Firefox 3.6.8


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 05 กันยายน 2553 13:48:05 »



ชั้นที่ ๓

สรรพสัตว์ที่ทำความชั่วทั้งปวง แม้นจักมิได้ทำลายพระธรรมให้เสื่อมเสีย แต่กระทำอกุศลกรรมนานา ไร้ซึ่งหิริโอตตัปปะกาลจะสิ้นชีพนั้น หากได้ประสบกัลยาณมิตรมาแสดงหัวข้อหรือนามของพระธรรมบทต่าง ๆ ให้ฟังเมื่อได้ยลยินแล้วจักกำจัดบาปกรรมที่หนักหนา{ครุบาป}จำนวนพันกัลป์
ให้สิ้นไปหากผู้มีปัญญานั้นได้สอนให้ พนมมือเพื่อภาวนาว่า นโม อมิตาภายะ พุทธายะ แล้วไซร้ วิบากกรรมแห่งสังสารวัฏจำนวน ๕๐ โกฎิกัลป์
ก็จักดับสิ้นในเวลานั้น พระอมิตาภะพุทธะ จะทรงนิรมิตพระพุทธะ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ มายังเบื้องหน้าของบุคคลนั้น แล้วตรัสขึ้นว่า ดูก่อนกุลบุตร ด้วยเหตุที่เธอสรรเสริญพระพุทธนาม วิบากกรรมทั้งปวงจึงมลายสูญไป เราจึงมารับเธอ”เมื่อตรัสเช่นนี้แล้ว บุคคลผู้นั้นจักทัศนาเห็นพุทธรัศมีจากพระพุทธนิรมิตนั้น เปล่งแสงสว่างไสวไปทั่วห้อง เมื่อได้แลเห็นก็เกิดปิติยินดีเป็นที่สุด จึงสิ้นใจลง แล้วโดยสารรัตนปัทมาเคลื่อนลอยตามพระพุทธนิรมิตไปอุบัติยังรัตนะโบกขรณีผ่านไป ๔๙ วัน ปัทมชาตินั้นจักบานออก แลเมื่อบานแล้ว พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ผู้มหากรุณาและ
พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ จะเปล่งมหารัศมีไปยังเบื้องหน้าบุคคลนั้น ได้ประทานพระธรรมเทศนาอันคัมภีรภาพนานัปการ เมื่อบุคคลนั้นได้สดับ
ก็เกิดศรัทธายิ่ง แล้วบังเกิดโพธิจิตผ่านไป ๑๐ จุลกัลป์ ก็จักสมบูรณ์ในศตธรรมประภาสทวาร แล้วเข้าสู่โพธิสัตวปฐมภูมิ




ชั้นที่ ๒



สรรพสัตว์ผู้ละเมิดเบญจศีล อัฏศีล และสมบูรณศีล เป็นโมหบุรุษ ลักขโมยของสงฆ์ แสดงธรรมด้วยความไม่บริสุทธิ์ หวังลาภสักการะบิดเบือนพระธรรมปราศจากหิริและโอตตัปปะ มากด้วยความชั่วสารพัน กระทำบาปทั้งปวง ด้วยวิบากกรรมนี้จะทำให้ตกสู่นรกภูมิก็เมื่อสมัยแห่งกาลกิริยา จะมีเพลิงนรกปรากฏให้เห็น หากได้พบกัลยาณมิตร ผู้มีมหาเมตตากรุณากล่าวสรรเสริญทศพละแห่งพระอมิตาภะพุทธเจ้า และสรรเสริญสดุดีพระพุทธคุณอีกนานัปการ ทั้งสรรเสริญอิทธิพละ คุณแห่งศีล สมาธิ ปัญญา และคุณแห่งวิมุตติอีกอเนกประการเมื่อได้รู้เห็นตามนั้น บุคคลนั้นจักมีวิบากกรรมจำนวน ๘๐ โกฏิกัลป์ที่สูญสิ้นไป นรกอัคคีกลายเปลี่ยนเป็นสายลมเย็น พัดพาเอาทิพยบุปผามาก็อันบุปผชาติเหล่านั้นมีพระพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์ประทับอยู่ภายในซึ่งล้วนเสด็จมารับบุคคลในชั่วขณะเดียว ก็ได้ไปอุบัติที่ปทุมชาติในสระโบกขรณีที่ประดับตกแต่งด้วยรัตนอัญมณี ๗ประการผ่านกาลเวลาไป ๖ กัลป์ ดอกบัวนั้นจึงบานออก พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ จักปลอบโยนบุคคลนั้น แล้วแสดงพระโพธิสัตวมหายานธรรมอันคัมภีรภาพ ด้วยพรหมโฆษะเมื่อบุคคนั้นได้สดับธรรมแล้ว ในเวลานั้นจึงเกิดพระอนุตรสัมโพธิจิต

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 กันยายน 2553 14:05:13 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.8 Firefox 3.6.8


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 05 กันยายน 2553 13:50:29 »




ชั้นที่ ๑ (ต่ำสุด)


ผู้กระทำกรรมชั่ว อนันตริยกรรม ๕ อกุศลกรรมบท ๑๐ มิกระทำกุศลความดีทั้งปวง เป็นโมหบุรุษด้วยอกุศลวิบาก ยังให้ตกสู่อบายภูมิรับโทษทรมานหลายกัลป์มิรู้จบสิ้นหากโมหบุรุษนี้ เมื่อเวลาจวนสิ้นใจ ได้พบกัลยาณมิตรมาปลอบโยน ให้กำลังใจ แล้วแสดงธรรมสอนให้ระลึกนึกถึงพระพุทธนาม แต่ด้วยวิบากกรรมของเขา ยังให้เขาเจ็บปวดทุกข์ทรมานมิอาจระลึกถึงได้กัลยาณมิตรนั้นจึงกล่าวว่าหากเธอไม่สามารถระลึกถึงพระพุทธองค์ได้ ก็จงภาวนาพระนามของพระอมิตาภะพุทธะเถิด” โมหบุรุษนั้นจึงตั้งใจภาวนาต่อเนื่องกัน ๑๐ ครั้ง เพราะด้วยเหตุที่ได้ภาวนาพระพุทธนามนี้ โดยขณะที่ภาวนาอยู่นั้นวิบากกรรมจำนวน ๘๐ โกฏิกัลป์ได้ถูกกำจัดให้สิ้นไปก็เมื่อคราที่จักสิ้นใจนั้น จักได้แลเห็นสุวรรณปุณฑริกดอกมหึมา ดุจดวงอาทิตย์ปรากฏเป็นมงคลนิมิตยังเบื้องหน้า และในขณะเดียวก็ได้ไปอุบัติยังสุขาวดีพุทธเกษตรทันทีผู้นั้นจะต้องอยู่ในดอกปุณฑริก ๑๒ มหากัลป์ เมื่อปุณฑริกมาศนั้นผลิบานออก จะได้พบพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ทั้ง ๒ นี้จะประทานพระธรรมเทศนาด้วยสำเนียงแห่งมหากรุณา เรื่องธรรมสัตยลักษณ์ทั้งปวงกล่าวธรรมที่ยังให้กรรมสิ้นไป ก็เมื่อได้สดับแล้วจึงบังเกิดความปิติปราโมทย์เป็นยิ่งนักในเวลานั้นจึงได้บังเกิด{พระอนุตรสัมโพธิจิต}อันประเสริฐ ๑๕ เรื่องของสุขาวดีที่ว่า ผู้ก่ออนันตริยกรรม และกรรมชั่วอื่น ๆ โดยที่มิเคยทำกุศลกรรมเลยก็สามารถไปอุบัติยังสุขาวดีพุทธเกษตรได้นั้นถือเป็นประเด็นข้อโต้เถียงและครุ่นคิดตีความกันในหมู่นักศึกษา โดยกล่าวว่าเป็นการผิดกฎแห่งกรรม ฯลฯ หากศึกษาตามอรรถกถาของนิกายนี้จะกล่าวว่า การภาวนาพระอมิตาภะพุทธนามนั้นมีพลานิสงค์มหาศาล{ด้วยการเจริญพุทธานุสสติ}สามารถชำระบาปกรรมจำนวน ๘๐ โกฏิกัลป์ได้ ซึ่งในกรณีนี้หมายถึง การได้พบหลักธรรมที่ว่าด้วยแดนสุขาวดี และพระอมิตาภะพุทธะนั้นจะทำให้เราหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้เร็วขึ้น ๘๐ โกฏิกัลป์โดยไม่ต้องเผชิญกับวิบากกรรมแห่งวัฏสงสารในอนาคต ซึ่งวิบากกรรมนั้นยังไม่ถึงเวลาสนองผลเราก็ได้หลุดพ้นก่อนเสียแล้วและการที่ไม่ต้องไปชดใช้กรรมในอบายภูมิ แต่ได้ไปเกิดในสุขาวดีนั้น ตามอรรถกถาก็กล่าวว่า ผู้ทำกรรมชั่วจะได้รับวิบากชั่วได้นั้น


ขอขอบคุณที่มาจาก....................http://www.mahasukhavati.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 กันยายน 2553 14:16:49 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

คำค้น: 海涛法师 观世音 菩萨 故事 佛教 dhamma อธิบาย บรรยาย บางครั้ง 蓮華 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.308 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 18 ตุลาคม 2567 01:33:42