[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
22 ธันวาคม 2567 20:36:56 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  [1] 2 3 ... 10   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: The New World Order (ยาสั่งครองโลก)  (อ่าน 128718 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 26 มกราคม 2553 23:48:31 »


เราย้อนเวลากลับไปนิดนึงครับถึงการก่อกำเนิดของ illuminati ครับ ในปี คศ. 1773
แคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมันนี้ ดร.อาดัม ไวฮอป (Adam Weishaupt)
ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านสิ่งเหนือธรรมชาติ และเวทมนต์ ไสยศาสตร์ได้คิดทฤษฏีของ
illuminati ขึ้นเป็นครั้งแรกครับ แล้วปรึกษากับพรรคพวกที่มีทั้งอำนาจและความมั่งคั่งอีก
12 คน ทั้ง 12 คนตกลงที่จะสนับสนุนไวฮอป ในเรื่องนี้ครับ โดยตกลงกันว่าเค้าคอย
สนับสนุนทางด้านการเงิน และไวฮอปเป็นผู้วางโครงสร้างต่างๆ เค้าจึงทำพันธสัญญากันขึ้น
เรียกว่า “The Thirteen Covenant” ก็คือเค้าทั้ง 13 ได้ทำพันธสัญญาร่วมกันครับ
อีก 1 ปีต่อมาเค้าสามารถหาผู้ร่วมอุมการณ์ได้อีก 2000 คนครับ ซึ่งคนเหล่านี้มีทั้งฐานะ
อำนาจ และสติปัญญาครับ ไม่ธรรมดาแล้วครับตอนนี้ แล้วทฤษฐีที่เค้าคิดขึ้นมาคือ
“World Domination” หรือ “การยึดครองโลกครับ”   

ช่วง ต้นศตวรรษที่ 20 หรือปี 1900 ต้นๆ สื่อหลัก 12 บริษัทในอเมริกา ที่ครอบคลุม
ทั้ง วิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ ถูกกว้านซื้อโดย นายธนาคารชื่อ JP Morgan ครับ
(ซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มการเงินจากอังกฤษและยุโรป) และได้รับการต่อต้านจากรัฐบาล
เหมือนที่เราเคยทำไงครับ แต่สุดท้ายรัฐบาลชนะครับ และพยายามริดรอนกำลังของเค้า
ด้วยกฏหมายครับ เค้าเปลี่ยนแผนครับ เค้าซื้อสื่อไม่ได้ งั้นซื้อรัฐบาลเลยดีกว่า และ
เค้าทำสำเร็จครับ ในปี 1913 แล้วในช่วงคริสต์มาสของปีนั้นเค้าก็ยัดเยียด 2 สิ่งให้กับ
ประเทศชาติและประชาชนครับ คือ FED (Federal Reserve) และ CIA
(Central Intelligent Agency) หลังจากนั้นก็เข้ายึดครอง 90% ของสื่่อในอเมริกา
ด้วยระบบเครดิต การเงิน การธนาคาร และ Central Bank หรือธนาคารกลาง ปัจจุบัน
สื่อ 12 บริษัทนี้ก็ได้แตกกิ่งก้านสาขาออกไป กลายเป็นสื่อขนาดกลางและขนาดใหญ่
อย่างน้อย 12,000 บริษัท ครอบคลุมทั่วพื้นภิภพครับ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
 
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 26 มกราคม 2553 23:52:13 »


Illuminati Seal หรือเครื่องหมายอิลูมินาติ

ที่นี้เรามาดูตราสัญลักษณ์ของเค้าครับว่าเค้าบอกอะไรเราบ้าง ตัวอักษรทั้งหมด
เป็นภาษาละตินครับ เริ่มจาก (หาดูนะว่าตรงไหนรึ หา 1ดอลล่าห์มาเป็นคู่มือประกอบ
“Annuit Coeptis” แอนนูอิท โคเอปทิส แปลได้ว่า “ประกาศการกำเนิดของ”
“Novus Ordo Seclorum” คือ โนวัส ออโด เซโคลรัม “New World Order
แปลว่า การจัดระเบียบโลกใหม่ หรือ New Age” นั่นเอง

“MDCCLXXDI” ที่ฐานปิระมิด คือ คศ.1776 ครับ

“ปิระมิด 13 ชั้น” เลข 13 หมายถึง Rebellion หรือการปฏิวัติ และปิระมิดซึ่งเป็นของอียิปต์
ซึ่งจริงๆ แล้วก็คือเวอร์ชั่นใหม่ของ “บาบิโลนมหานคร” ที่ล่มสลายไปเมื่อปี 3500 BC ดูรูปนี้ครับ
ถ้าเป็นคริสต์ให้ดูไปถึง ”หอบาเบล” ครับ คือคอนเซปเดียวกันหมด “ บาเบล & บาบิโลน ”
มันคือ BABEL+ON=Babelon นั่นเอง


“Seeing Eye” หรือดวงตาที่กำลังมองดูเราอยู่ครับ มันเป็นตาของเทพเจ้าของอิยิปต์ “Ra”
หรือ “Horus” ครับ จำหนังฮอลลีวู๊ดเรื่อง สตาร์เกทได้ไม๊ครับ นั่นล่ะ Ra และต้องทราบครับว่า
วงการ Hollywood ก็เป็น illuminati เกือบทั้งหมด หลักฐานเต็มไปหมด จะดูหนังเรื่องไหน
มันก็จะยัดเยียดให้เราดู ปิระมิด กับ ดวงตาลูซิเฟอร์ นี่ให้ได้ มีเกือบทุกเรื่องครับ


Ra หรือ Horus เป็นใครดูรูปนี้ครับ ก็คือมนุษย์อีกคนนี่แหละครับที่บูชาซาตาน ลูซิเฟอร์
เป็นตัวแทนของลูซิเฟอร์บนโลกใบนี้แล้วก็ตั้งตัวเป็นพระเจ้าบนโลกไปเลย เพราะยุคนั้นอียิปต์
เรืองอำนาจที่สุดครับ ของอิยิปต์จะมีเทพเจ้าอยู่ 3 องค์หลักคือ Horus, Isis และ Seth ครับ
หรือ IHS ที่กระจายไปทั่วโลกก็มาจากตรงนี้แหละครับ
ดวง ตาของ “Ra” เทพเจ้าของอิยิปต์ หรืออีกชื่อคือ “Horus” ซึ่งมีต้นตอของมันก็คือ “Lucifer”
หรือ ซาตานนี่แหละครับ แล้วอิยิปต์ไปเอามาเป็นเทพเจ้าของเค้าเปลี่ยนชื่อแต่งตัวให้ใหม่
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 26 มกราคม 2553 23:54:19 »


อันนี้หาดูเพิ่มเติมเองได้นะครับ Lucifer หรือ ซาตาน ตัวที่ยึดครองและ
ทำให้โลกใบนี้วุ่นวาย เป็นบิดาและต้นกำเนิดของความบาปและความชั่วทั้งมวล
ด้วยการโกหกและการล่อลวง ให้สังเกตุการแสดงสัญลักษณ์แขนและมือ แขนซ้าย
ชี้ลงหมายถึงโลกมนุษย์ แต่แขนขวายกขึ้นหมายถึงสวรรค์ มันพยายามสื่อถึง
“As above so below” คือสวรรค์เป็นอย่างไรโลกมนุษย์ก็เป็นอย่างนั้น ซึ่ง
“ผิดอย่างที่สุด” โกหกจนเป็นนิสัย คือเค้าจะบอกว่าไม่ต้องไปหรอกสวรรค์ โลกมนุษย์
ก็แหมือนกันแหละ เค้าให้ได้ทุกอย่าง แค่ขอให้เชื่อเค้าคือ มอมเมา โลภ ตัณหา
ผิดศีลธรรม สงคราม การฆ่า ผิดเพศ คือทำบาปทั้งหมดนั่นแหละครับ แล้วทำไม
illuminati ถึงต้องบูชาซาตาน....... นั่นสิครับทำไม จำเรื่อง Human Sacrifice
หรือการบูชายันต์ด้วยมนุษย์ได้ไม๊ครับ ที่เค้าทำทั้งหมดก็เพื่อถวายไอ้ตัวนี้แหละ
มันจะให้แล้วสุดท้ายก็ฆ่าไงครับ “ลองหาดูครับว่า จริงไม๊ และอารยธรรมของซาตาน
ลูซิเฟอร์ก็แพร่กระจายไปทุกมุมโลก แตกไปเป็นศาสนาโน้นศาสนานี้ พวกมนต์ดำ
ไสยศาสตร์ การร่ายเวทมนต์ทั้งหมดก็ของมันนี่แหละครับ


ไม่ว่าจะความปั่นป่วนทางเศษฐกิจ โรคระบาด สงครามอีรักและอาฟกานิสถาน
เป็นประสงของกลุ่มคนดังกล่าวที่มีอำนาจล้นเหลือ เพื่อให้บรรลุเป้าที่เค้ามีอยู่
ทำกันมานานแล้วจะว่าเป็นร้อยปีก็ว่าได้ มันเป็นขั้นเป็นตอน (เคยดู ไดฮาท ไหม)
ถ้าคุนจะครองโลกจะทำไง ต้องโละระบบ  เท่าที่ผมคิดได้ก็ ทำให้โลกปั่นป่วนด้วย
สภาวะเศษฐกิจ ทำให้คนทะเลาะกัน ก่อสงคราม ใหญ่ๆกันทั้งนั้นนิ
แล้วทำเนียนปล่อยโรค "เอ่าอยากรอดมารับยา...... ว่ากันไป
ข้อมูลข้างต้นคือหลักฐานและที่มาของพวกเค้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 มกราคม 2553 23:56:50 โดย ไอย » บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 27 มกราคม 2553 00:01:56 »

 
             http://i617.photobucket.com/albums/tt252/aiandyai/dollar.jpg
The New World Order (ยาสั่งครองโลก)


เรามาย้อยไปที่เครื่องหมายอิลูมินาติ
อย่าง แรกเราต้องรู้จัก “Numerology” ครับ เป็นศาสตร์ทางตัวเลขซึ่งเป็น
องค์ความรู้เก่าแก่จากคัมภีร์ของพวกฮิบรูหรือ ยิว เป็นการ Code ตัวหนังสือ
ให้เป็นตัวเลขครับ ก็คือการเอาตัวหนังสือซ่อนไว้ในตัวเลขนั่นเอง โดยมีความหมายดังนี้ครับ

6 Man คือ มนุษย์
7 God คือ พระเจ้า
8 New Beginning คือ การเริ่มต้นใหม่
9 Complete or Finish คือ การเสร็จสิ้น หรือ ความสำเร็จ
12 Government and Perfection คือรัฐบาลและความสมบูรณ์แบบ
13 Rebellion คือการปฏิวัติ หรือ การก่อกบฏ
18 Bondage หรือ ความเป็นทาส
28 Eternity คือความเป็นนิรันดร์


เรามาดูกันครับว่าเค้าซ่อนอะไรไว้ในตราดวงนี้บ้าง
1. ดาว 13 ดวง คือการก่อกบฏ หรือการปฏิวัติ (ต่อพระเจ้า)
2. อยู่ในวงกลมที่มี 28 ขีดหรือ Guide Line คือความเป็นนิรันดร์
3. ป้ายผ้า 13 ขยัก คือการก่อกบฏ หรือการปฏิวัติ (ต่อพระเจ้า)
4. ตัวหนังสือ E PLURIBUS UNUM หรือ “One out of Many” หรือ
“หนึ่งจากหลายๆ สิ่ง”
5. ปีกข้างซ้าย มี 32 เป็นระดับชั้นปกครองของลัทธิใต้ดินอีกกลุ่มที่เรียกว่า
เมสัน (Mason)หรือ ฟรีเมสัน (Free Mason)ในยุโรป มี 32 ระดับ
6. ปีกข้างขวา มี 33 เป็นระดับชั้นปกครองของลัทธิใต้ดินอีกกลุ่มที่เรียกว่า
เมสัน (Mason)หรือ ฟรีเมสัน (Free Mason)ในอเมริกา มี 33 ระดับ
7. เส้นแนวนอน 12 เส้นที่หน้าอก หมายถึงความเป็นรัฐบาล
8. เส้นแนวตั้ง 18 เส้นที่หน้าอก หมายถึงการเป็นนายทาส
9. ซึ่งแบ่งได้ 6 แถบใหญ่ หมายถึงมนุษย์
10. แถบสีดำและขาวรวมกันได้ 13 แถบ แยกเป็น
11. แถบดำ 7 แถบ หมายถึงพระเจ้า
12. แถบขาว 6 แถบ หมายถึงมนุษย์ (วางทับแถบดำ คือ อยู่เหนือ)
แถบดำ 7 แถบคือพระเจ้า
13. กรงเล็บ 2 ข้างๆ ละ 4 รวมเป็น 8 เล็บ คือการเริ่มต้น
14. ลูกธนู 13 ดอก การต่อต้านหรือปกป้องตัวเองของประชาชน
15. ช่อมะกอกที่มี 13 ใบ หมายถึงเสรีภาพ
16. ผลมะกอก 13 ผล หมายถึงผลของเสรีภาพ
17. ขนที่หาง 9 ขน หมายถึงความสำเร็จ หรือบรรลุผลแล้วนั่นเอ
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 27 มกราคม 2553 00:04:51 »


มาดูสิ่งที่ Illuminati กระทำกันบ้างครับ

ต่อไป เป็นโรคระบาดครับ ที่เป็นอยู่นี่แค่ออเดิฟ
ฝั่งอเมริกา จะมีการบังคับฉีดวัคซีน Swine Flu (ไข้2009)ในอเมริกา
รอบแรกในวันที่ 15 October2009
และรอบที่ 2 วันที่ 15 November 2009

ถ้าใครไม่รับวัคซีนจะถูกจับเข้าแคมป์กักกัน(Concentration Camp)
ส่วนเรื่อง 911 ได้รู้กันคร่าวๆ จาก K'ก้องแล้ว จาก ผลการสอบสวนอย่างเป็น
ทางการที่ออกมาจากภาครัฐ เค้าก็สรุปฟันธงเลยว่า เป็นฝีมือของกลุ่มอัลไคดาร์
โดยการนำของบิน ลาเด็นครับนั้นคือสิ่งที่เค้าอ้าง แล้วก็ให้ฮอลลี่วู๊ดสร้างหนัง
ออกมาอีกหลายเรื่องเช่น World Trade Center, United 93 และอื่นๆ
เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ฮอลลีวูดก็คือมายาครับ
ถ้าผมจะบอกอีกว่า 90% ของวงการหนัง "ฮอลลีวูด" ก็อยู่ในเครือข่ายนี้ด้วย
ทั้ง Columbia, Universal, 20 Century FOX, Disney, และรายใหญ่ๆ
เกือบทั้งหมด คิดว่าไงครับ เทคโอเวอร์ค่ายหนังต่างๆ ถือหุ้นไขว้กันไปมา
เป็นมือทำงานให้ไอ้ตัวดำขาว ในการเอาเรื่องความชั่วที่เค้าทำมาทั้งหมด
ถ่ายทอดลงไปในหนังให้เราดูครับ คือเอาผลงานมาอวด หนังส่วนใหญ่เนื้อหา
50-70% เป็นเรื่องจริง ที่เหลือแต่งเติมเพื่ออำพรางหรือบิดเบือนหรือชี้นำเราครับ
เค้าจะซ่อน "โค๊ด" ต่างๆไว้ในหนังเหล่านี้ ถ้าเราตามกันไปอีกนิด คุณจะมองเห็น
ทุกอย่างเหมือนที่ผมเห็นครับ  แล้วเค้าก็จะบอกเราล่วงหน้าว่าเค้าจะทำอะไรต่อ
ในอนาคต อย่างเรื่อง 911 นี้เค้าบอกเราว่าว่าเค้าจะทำล่วงหน้าอย่างน้อย 10 ปีครับ
แล้วจะถึ่ขึ้นใน 5 ปีสุดท้าย ไม่เชื่อเหรอครับ.....เอาหลักฐานไปดูครับ......
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 27 มกราคม 2553 00:17:30 »


911 Hidden in Hollywood - Part 1



ดูให้ละเอียด ดูไป หยุดภาพไป จะเห็นชัดขึ้น มีทุกเรื่องครับ
แต่ในเวอร์ชั่นของผมและคนอเมริกันอีกหลายล้านคนจะแตกต่างกัน
อย่างสุดขั้วครับคือ

1. บินลาเด็นเป็น CIA มีหน้าที่ดูแลการปฏิบัติการทางทหารของอเมริกัน
ในอัฟกานิสถาน(เป็นคนของสมาคมที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น)
2. ครอบครัวลาเด็น มีความเชื่อมโยงและความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับครอบครัว
"บุช" โดยมีธุรกิจน้ำมันร่วมกันภายใต้ชื่อคาไลด์กรุ๊ป
3. ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้าที่จะมีการโจมตี บริษัทรักษาความปลอดภัยของโครงการ
เวิลด์เทรดเซนเตอร์ WTC ได้มีการเพิ่มวงเงินประกันภัยมากขึ้นอีก 500 ล้านเหรียญ
ในส่วนของการการเสี่ยงภัยจาก "ผู้ก่อการร้าย" และเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดดภัย
รายนี้ก็เป็นคนในครอบครัวของผู้นำสหรัฐใน เวลานั้น นามสกุลเดียวกันครับ
4. เพราะฉะนั้นมือวางระเบิด ที่เข้าไปทำการวางระเบิดโครงสร้างของตัวตึก ก็ผ่านเข้าไป
อย่างง่ายดาย และใช้เวลาวางระเบิดทั้ง 3 อาคารเป็นอาทิตย์ ทั้งตึกแฝด และอาคาร
หมายเลข 7 ของบริษัท โซโลมอน บราเธอร์ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการชนของเครื่องบิน
แต่อย่างใดเลยครับ ( หมายเลข 7*** )

การโจมตีทั้ง 3 เหตุการณ์เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันคือ

1. เครื่องบิน 2 ลำชนเข้าที่ส่วนปลายยอดของตึกแฝด แล้วเกิดการถล่มลง
ในอีก 2 ชั่วโมงงต่อมา
2. เครื่องบิน 1 ลำ American Airlines 757 ชนเข้าที่ Pentagon หรือกระทรวง
กลาโหมของสหรัฐ (ให้ข่าวโดยสื่อของรัฐบาล)
3. และอีก 1 ลำ United Airline 93 ตกที่ เมืองแชงสวิลล์ รัฐเพนซินาวาเนีย
ซึ่งคาดกันว่าเครื่องบินลำนี้กำลังมุ่งหน้าไปที่ทำเนียบขาว (ให้ข่าวโดยสื่อของรัฐบาล)
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 27 มกราคม 2553 00:26:29 »


เหตุการณเริ่มจากการชนของเครื่องบินเข้าที่อาคาร 1 การชนครั้งแรกนี้
ไม่ใครจับภาพไว้ได้ครับ แต่มีการติดเข้าไปในกล้องโดยบังเอิญ
จากกล้องของหน่วยดับเพลิงของนิวยอร์คที่กำลังทำงานอยู่ในขณะนั้น คือคลิปนี้ครับ

www.youtube.com/watch?v=kv4s3fn8jDc&feature=related


และมีการติดเข้าไปในกล้องโดยบังเอิญ จากกล้องของนักท่องเที่ยว
ชาวสาธารณะรัฐเชค คือคลิปนี้ครับ

www.youtube.com/watch?v=5fH7c8H6SNw (The video's owner prevents external embedding)
มุมกล้องที่เค้าจับภายไว้ได้ของการชนครั้งที่ 2 หรือ South Tower
ทางรัฐบาลอ้างว่าเป็นเครื่องบินของสายการบิน                 
 อเมริกันแอไลน์ เที่ยวบินที่ AA175 ครับ

www.youtube.com/watch?v=J0Qu6eyyr4c


บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 27 มกราคม 2553 00:31:20 »


แต่หลังจากเหตุการณ์นี้ มีการรวบรวมคลิปวีดีโอจากทุกฝ่ายเพื่อเป็นหลักฐาน สิ่งที่พบคือ

1. เครื่องบินลำที่ 2 ที่พุ่งชนหรือ AA175 ไม่มีหน้าต่างครับ และมีพยานยืนยันอีกหลายคน

www.youtube.com/watch?v=jRC4lCQuBmc&feature=related


2. มีอุปกรณ์บางอย่างถูกติดตั้งไว้ที่ใต้ท้องของเครื่องบิน มันคือ “เครื่องยิงจรวด” ครับ

www.youtube.com/watch?v=huK0MAb0Xa4&feature=related


3. และมีผู้เห็นเหตุการณ์อีกหลายคนยืนยันว่าเป็นเครื่องบินทหารครับ

www.youtube.com/watch?v=oVH5jm06pJY
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 กุมภาพันธ์ 2553 18:55:57 โดย ไอย » บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 27 มกราคม 2553 00:36:58 »

9/11 rare footage



ทฤษฎีสมคบคิดเหตุการณ์ 9/11 ตึก World Trade ถล่ม

จากเหตุการวันที่ 11 เดือน 9 หรือ 9/11 ที่ตึกที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ

์แห่งโลกทุนนิยมของอเมริกา โดนเครื่องบินพุ่งชนจนถล่ม ลงมาถึง 2 ตึก
และยังมีตึกข้างๆอีก 1 ตึก ที่ไม่ได้โดนแต่ก็ถล่มไปด้วย จาการวิเคราะห์
ก็มีทฤษฎีข้อพิรุธที่โต้แย้งว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าสงสัย ว่าถล่มเพราะเครื่องบิน
ชนจริงหรือไม่หรือว่า มีใครจงใจทำให้มันถล่ม เพื่อสร้างสถานการณ์
เพื่ออ้างผู้ก่อการร้ายและเข้าไปยึดประเทศที่อเมริกาอ้างว่าเป็นผู้ก่อการร้าย
และก็เข้าไปยึดน้ำมันอย่างเช่นประเทศอิรัก เป็นต้น เหตุน่าสงสัยนี้
ออกเป็นรายการทีวีในอเมริกา มากมาย จนเป็นกระแสน่าสงสัย
เลยนำมาให้ลองดูกันนะ

- คนในเหตุการณ์มากมายได้ยินเสียงระเบิด เป็นชุดๆ เหมือนที่เขา
ใช้ถล่มตึกและตึกปกติแทบไม่มีโอกาสถล่มลงมาตรงๆ เพราะหากเสียหาย
ด้านขวา ก็ตรงเอนถล่มลงมาด้านขวาเหมือนต้นไม้ แต่นี่ลงมาตรงๆ ซึ่ง
เหมือนกับมีระเบิด ตัดฐานของตึก จึงถล่มลงมาตรงๆได้

- 42% จากคนอเมริกา เชื่อว่ารัฐบาลจัดทำขึ้น

- ตึกที่ 3 ที่อยู่ใกล้เคียงที่เก็บเอกสารสำคัญมากมาย ก็ถล่มตามลงมาทั้งๆ ที่
ไม่โดนเครื่องบินชน และก็ถล่มลงมาตรงๆ เหมือนโดนระเบิด พร้อมทั้งมีเสียง
ระเบิดเกิดขึ้น และหากเป็นเพราะเกิดจากความเสียหายของตึก World Trade
ก็ต้องเสียหายเฉพาะด้านที่ติดกับตึก World Trade หากจะถล่มก็ต้องเอียง
ถล่มมาทางด้านความเสียหายนั้น ไม่ใช่ถล่มลงมาตรงๆและที่สำคัญ
แทบไม่น่าเป็นไปได้ ที่ตึกนี้จะถล่ม เพียงแค่สาเหตุนี้

- ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Physic และวิศวะกรมากมาย ออกแสดงความคิดเห็นว่า
โอกาสที่ทั้ง 3 ตึกจะถล่มลงมาตรงๆ แบบนั้น ในเวลาสั้นๆ แบบนั้นแทบจะไม่มี
โอกาสเป็นไปได้ จากการคำนวนเวลาความเร็วของการถล่มของตึกสูงขนาดนี้
ลงมากองกับพื้น เท่ากับว่า เป็นความเร็วของการถล่มแบบ Free Fall
หรือแบบล่วงหล่นโดยไม่มีฐานรองรับเลย เหมือนโดนระเบิดตัดฐานซึ่งหากเป็น
เพราะไฟไหม้ ก็น่าจะค่อยๆถล่มทีละชั้น

- ในประวัติศาสตร์ไม่เคยมี ตึกไฟไหม้แล้วถล่มเลย ขนาดไหม้หลายสิบชั่วโมง
ก็ยังไม่เคยถล่ม แต่นี่เพียงไม่กี่นาที ก็เกิดเสียงดังเหมือนระเบิด แล้วก็ถล่มลงมาทันที
- สังเกตุภาพขณะตึกกำลังถล่มจากด้านบน จะมีควันทะลุออกมาเหมือนมี
การระเบิดจากด้านล่าง ก่อนที่ตึกจะถล่มลงไปถึง
- ฟังเสียงจากเทป การติดต่อขณะเกิดเหตุการ มีคนเหตุการระเบิดมากมาย
ปกติหากใช้การระเบิดใต้ฐานให้ตึกถล่ม จะต้องได้ยินเสียงระเบิด ติดๆกันหลายๆนัด
และในเหตุการณ์นั้นมีคนได้ยินเสียงแบบนี้มากมาย
- เหล็กจะละลายได้ต้องใช้ความร้อนถึง 1500 องศา แต่ความร้อนจากเครื่องบิน
ชนเพียง 825 องศา ไม่สามารถทำให้เหล็กของตึกละลายได้ แต่ สาร Thermite
สามารถทำให้เกิดความร้อนถึง 2500 องศา จึงละลายเหล็กได้(Thermite สามารถ
ละลายได้แม้กระทั้งน้ำแข็งแห้ง)และมีหลักฐานการหลอมละลายของเหล็กแบบ
Thermite ในตึก World Trade ด้วยและภาพตอนที่ตึกกำลังถล่ม ก็มีการหลอม
ละลายเหมือน Thermite ที่เป็นจุดแดงๆ ที่ตึกด้วยอย่าเพิ่งไปเชื่อมากน่ะ มันเป็น
ทฤษฏีสมคบคิด




7 wtc เป็นตึกระฟ้าขนาด 47 ชั้น หนึ่งในโครงการของ wtc

ที่ถูกถล่มตอน 9/11

ก๊อบข้อความมาจากเว็บแห่งหนึ่ง


- ตึกที่ 3 ที่อยู่ใกล้เคียงที่เก็บเอกสารสำคัญมากมาย ก็ถล่มตามลงมาทั้งๆ ที่

ไม่โดนเครื่องบินชน และก็ถล่มลงมาตรงๆ เหมือนโดนระเบิด

พร้อมทั้งมีเสียงระเบิดเกิดขึ้น และหากเป็นเพราะเกิดจากความเสียหายของตึก

World Trade ก็ต้องเสียหายเฉพาะด้านที่ติดกับตึก World Trade หากจะถล่ม

ก็ต้องเอียงถล่มมาทางด้านความเสียหายนั้น ไม่ใช่ถล่มลงมาตรงๆและที่

สำคัญ แทบไม่น่าเป็นไปได้ ที่ตึกนี้จะถล่ม เพียงแค่สาเหตุนี้

- ในประวัติศาสตร์ไม่เคยมี ตึกไฟไหม้แล้วถล่มเลย ขนาดไหม้หลายสิบชั่วโมง

ก็ยังไม่เคยถล่ม แต่นี่เพียงไม่กี่นาที ก็เกิดเสียงดังเหมือนระเบิด

แล้วก็ถล่มลง มาทันที


น้องวาว  
เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 19:27:17

http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/d/d7/
WTC_Building_Arrangement_and_Site_Plan_%28building_7_highlighted%29.jpg

ดูจาก ผังโครงการจะเห็นว่า wtc 7 อยู่นอก wtc plaza ด้วยซ้ำ


เขาว่า มันถูก ระเบิด ให้ถล่มลงมาอย่างเป็นแบบแผน โดยผู้เชี่ยวชาญ
และมีแจ้งเตือนให้ พนักงานดับเพลิง ถอยห่างออกจากตึก
เนื่องจากทราบว่า "จะมีการระเบิด"

ปล. แต่ หาตัว "เขา" คนนั้นไม่เจอค่ะ  ^_^



จากคุณ : jezebel  
เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 19:46:45  




แนะนำวิดิโอนี้ครับ มีการจุดระเบิดเป็นชั้นๆ ไล่ลงมาเลย

world trade center!! bomb!!!


จากคุณ : เสี่ยสมก๊อบ  
เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 20:01:01  

World Trade Center 911 BOMBINGS COVER UP



            http://i617.photobucket.com/albums/tt252/aiandyai/worldtrade.jpg
The New World Order (ยาสั่งครองโลก)
 

จากภาพ แสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์ ทั้งหมด WTC 1 -7



            http://i617.photobucket.com/albums/tt252/aiandyai/worldtradea.jpg
The New World Order (ยาสั่งครองโลก)


ทิศทางการวิ่งเข้าชนตึก WTC ของเครื่องบิน ทั้ง 2 Fight บิน

 
http://i617.photobucket.com/albums/tt252/aiandyai/worldtradeb-1.jpg
The New World Order (ยาสั่งครองโลก)


 จากภาพแสดงให้เห็น ถึงผลกระทบกับเหตุการณ์ 9/11
สีแดง :  ตึกที่ถล่มและได้รับความเสียหายมาก รวม (WTC 7 )
สีส้ม :  ตึกที่ได้รับผลกระทบและความเสียหายปานกลาง
สีเหลือง : ตึกหรือบริเวณที่ได้รับผลกระทบความเสียหายน้อย



http://i617.photobucket.com/albums/tt252/aiandyai/worldtradec.png
The New World Order (ยาสั่งครองโลก)


อีกรูปแสดงให้เห็นถึงการชนของเครื่องบิน และทิศทางการระเบิด ของแต่ละตึก WTC



http://i617.photobucket.com/albums/tt252/aiandyai/worldtraded.jpg
The New World Order (ยาสั่งครองโลก)



จากรูป เป็นโครงสร้างของพื้นและเพดานของตึกในแต่ล่ะชั้น


 
http://i617.photobucket.com/albums/tt252/aiandyai/worldtradee.jpg
The New World Order (ยาสั่งครองโลก)


ภาพการระเบิดของตัวตึก WTC และการถล่มลงมา    


จากคุณ : กกร่ม    
เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 11:57:04


http://i617.photobucket.com/albums/tt252/aiandyai/worldtradg.jpg
The New World Order (ยาสั่งครองโลก)



World Trade Center a 3D Visualization - WTC



blog ของคนอเมริกัน แต่ตอนนี้อยู่ไทย มีเรื่องเกี่ยวกับ 911 เยอะมาก
ลองเข้าไปดูนะคะ น่าสนใจดีค่ะ


http://www.atlanteanconspiracy.com/search/label/9%2F11

จากคุณ : 911 was an inside job (first finally)    
เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 15:51:31  







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 กุมภาพันธ์ 2553 19:29:30 โดย ไอย » บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 27 มกราคม 2553 00:40:43 »


"Trojan Horse Operation" ปฏิบัติการม้าไม้โทรจัน ไข้หวัด
Swine Flu ไข้หวัดหมู หรือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009
ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องใหญ่ Swine Flu เคยเกิดการระบาด 2 ครั้ง
ในศตวรรษที่ 20

ครั้งแรกในปี 1918-1919 ในครั้งนั้น มีผู้เสียชีวิต 5 แสนคน ในอเมริกา
และ 20 ล้านคนจากทั่วโลกเสียชีวิต

ครั้งที่ 2 ในปี 1976 ในครั้งนี้มีโฆษณาช่วนเชื่่อ การรณรงค์ และระดมฉีดวัคซีน
(X53A) ทั่วประเทศ และมีผู้เซ็นยินยอมเพื่อเข้ารับการฉีดทั้งหมด 46 ล้านคน
ผลที่ตามมาคือเกิดผลข้างเคียงจากการใช้วัคซีนตัวนี้อย่างกว้างขวาง ตัวอย่างคือ
มีกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการทางระบบประสาทบกพร่อง 4,000 คน และ 2 ใน 3
ของผู้ป่วยกลุ่มนี้ เสียชีวิต หรือเป็น อัมพาต ตลอดชีวิต และมีบางคน เสียชีวิต
ภายใน 2-3 วัน ทั้งนี้่เป็นผลของวัคซีนที่เข้าไปกดภูมิคุ้มกันหรือ Immune System
และไปทำลายระบบประสาท Neurological System

กล่าวคือวัคซีน เข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย จึงเกิดภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ในระยะยาว ซึ่งเมื่อเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกายแล้วร่างกายไม่สามารถต่อต้านเชื้อโรค
เหล่านั้นได้เหมือนภาวะ ปกติ จึงทำให้เกิดเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว
อยู่แล้วหรือ Underlying disease ยิ่งจะทำให้โรคเดิมนั้นมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น
จึงมีอัตราการตายสูงขึ้นมาก ในปีนั้นผลของวัคซีนยังทำให้เกิดโรคชนิดใหม่ขึ้นคือ
GBS หรือ Guillain-Barre Syndrome ทำให้ผู้ป่วยมีการชาตามประสาทส่วนต่างๆ
ของร่างกาย เช่น มือ เท้า แขน ขา ปาก หายใจไม่ออก ทำให้เป็นอัมพาต และเสียชีวิตในที่สุด
(ซึ่งภายหลังพบว่า สารปรอท (mercury) ที่ใช้ผสมในวัคซีนทั่วๆ ไปมีผลทำให้ระบบประสาท
ของร่างกายถูกทำลาย)
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 27 มกราคม 2553 00:42:57 »


จากเหตุการดังกล่าว ทำให้มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาล
ของผู้ป่วยที่ได้รับวัคซีนรวม เป็นเงินถึง $3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐกรณี
ตัวอย่างของครอบครัวนึงคือ นางจูลี่ โรเบิร์ต เป็นแม่บ้าน เป็นนักกีฬา
มีสุขภาพที่สมบูรณ์มาก โดยการโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลเธอจึงได้เข้ารับ
การฉีดวัคซีน ในเดือนพฤษจิกายน 1976 สองสัปดาห์ต่อมา เธอมีอาการชา
ที่ขาทั้ง 2 ข้าง และอีกหกสัปดาห์ต่อมาเธอมีการหายใจไม่ออก จนต้องเข้ารับ
การผ่าตัดเจาะท่อช่วยหายใจที่คอ และเธอยังมีอาการชาที่แขนขวา และปาก
จะไม่สามารถทีจะพูด ยิ้ม หรือหยิบจับสิ่งของได้ตามปกติ เธอต้องเข้ารับการรักษา
และฟื้นฟูตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาล
12 ล้านเหรียญสหรัฐ

ดังนั้นการระบาดครั้งนี้จึงไม่ใช่ของใหม่ มันคือ Swine Flu หรือไข้หวัดหมู
ที่เคยระบาดในอดีต แต่ถูกบิดเบือนเพื่อไม่ให้เรากลับไปดูการระบาด และวิธีการ
ในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะมีการระบาดใหญ่อีกครั้งในช่วงเดือน
กันยายน-พฤศจิกายน ของทุกปี ในช่วงเปลี่ยนฤดูฝนสู่ฤดูหนาว ซึ่งจะมีการระบาด
ของไข้หวัดเป็นประจำอยู่แล้ว อย่าตื่นตระหนกกับการโฆษณาชวนเชื่อของพวก
บริษัทยาที่ทำเพื่อหาผลประโยชน์จาก ความไม่รู้ของเราเลย พวกเขาสามารถทำได้
ทุกอย่างเพื่อให้คนหลงเชื่อและยอมทำตามทุกอย่างที่พวกเขา โฆษณาชวนเชื่อ
พวกเขาไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของมนุษย์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ นอกจากความทำให้
สิ่งที่พวกเขาต้องการสำเร็จ
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 27 มกราคม 2553 00:46:43 »


เมื่อประมาณเดือนต้นปีนี้ (ประมาณ มค. –มีค.)มีข่าวว่า บริษัท Baxter
ที่โรงงานผลิตวัคซีนในประเทศออสเตรีย (Austria) ได้ผลิตวัคซีนไข้หวัด
(Flu Vaccine) ที่มีส่วนผสมของไวรัสที่มีชีวิต ที่พร้อมที่จะทำให้เกิดอาการ
ถึง 2 ชนิดคือ ไวรัสไข้หวัดในคน (human H3N2) และ ไวรัสไข้หวัดนก
(avian H5N1) โดยไม่มีป้ายฉลากเตือนหรือบอกถึงการผสมไวรัสที่มีชีวิต
 2 ชนิดนี้ลงไปที่ฉลากข้างกล่อง หรือข้างขวดบรรจุวัคซีนนี้เลย แล้วได้ส่ง
วัคซีนไปยัง 18 ประเทศทั่วโลก (รายละเอียดจาก link ข้างล่าง) และประมาณ
เดือน เมย. ก็เริ่มมีข่าวการระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ใน18 ประเทศ
โดยเริ่มแรกที่ประเทศเมกซิโก และในขณะนี้ก็ได้ระบาดไปเกือบทั่วโลกแล้ว

เราคนไทยควรทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน รวมทั้งศึกษาถึงผลข้างเคียง
ของวัคซีนที่จะผลิตขึ้นนี้ อย่าตกเป็นเหยื่อ ศึกษาประวัติศาสตร์ อย่าให้
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนที่เคยเกิดมาแล้ว

รัฐบาลไทยได้มีการนำเข้าวัคซีนมาแล้วจำนวน 2 ล้านชุด และกำลังตั้งโรงงาน
ผลิตวัคซีนชนิดนี้โดยได้รับเงิน $70 ล้านเหรียญ จากการสนับสนุนขององค์การ
อนามัยโรค เพื่อผลิตวัคซีนชนิดนี้ให้ได้ 60 ล้านชุุดต่อปี ท่านลองคิดดูว่ามีอะไร
อยู่บื้องหลังสิ่งเหล่านี้หรือไม่???? (อันนี้ทำให้ผมนึกถึงหนี้ IMFที่หมดอย่าง
รวดเร็วของรัฐก่อนหน้านี้ อ่าว เราใช้หนี้ให้แล้วนะ ไหนลองสร้างความปั่นป่วนให้ดูสิ
(3จว.ภาคใต้)และก็ไปทำสนามบินให้เสร็จ เดี๋ยวจะมีสงครามแล้ว ต้องใช้
 เอาใหญ่หน่อย Run Way ต้องแข็งๆ นะ เพราะเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่นใหม่
ต้องไปลงมันหนัก คิดว่านะ)

ขอเน้นย้ำให้เราทั้งหลายศึกษาเรื่องราวในอดีต แล้วอย่าปล่อยให้ประวัติศาสตร์
ซ้ำรอยอีก อย่าให้ประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลางของการทำลายมนุษย์ของภูมิภาค
เราจะต้องรู้ก่อน หรือรู้เท่าทัน

เป็นสิทธิส่วนบุคคุลในการตัดสินใจที่จะเข้ารับวัคซีนหรือไม่ และมีอะไรบ้าง
ที่เราควรรู้ก่อนเข้ารับวัคซีน เช่น มีการทดสอบวัคซีนในคนหรือไม่ แล้วผลคืออะไร
แล้วมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง มีการจัดทำเป็นเอกสารหรือไม่ ถ้าเกิดโรคแทรกซ้อนแล้ว
หน่วยงานใดจะรับผิดชอบ แล้วเราจะเรียกร้องค่าเสียหายได้แค่ไหน โดยเฉพาะคนที่มี
โรคประจำตัว ท่านอยู่ในกลุ่มที่เสี่ยงมาก โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท
วัคซีนที่ใช้ในปี 1976 หรือ X53A ซึ่งถูกฉีดเข้าไป ส่งผลคือการไปทำลายภูมิคุ้มกัน
ที่เรามีอยู่แล้วตามธรรมชาติ หรือ Antibody เปรียบเสมือนการเปิดทาง ให้เชื้อโรคต่างๆ
เข้าโจมตีได้ง่ายขี้น หากมีอาการป่วย จะมีอาการป่วยเรื้อรัง หรือนานกว่าปรกติ และใน
วัคซีนยังมี Mercury หรือสารปรอท ที่ใช้ในการรักษาสภาพวัคซีนก่อนจะนำไปฉีด
ซึ่งไม่มีการบ่งชี้ว่าปลอดภัยอย่างแน่นอนหรือไม่
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 27 มกราคม 2553 00:59:16 »


MJ (Michael Jackson) ต้องตายเพราะเค้าเคยเป็นอิลูมินาติแล้ว
กลับใจครับ ลองกลับไปดูผลงานของเค้าทุกชุด จะซ่อนเครื่องหมาย
อิลูมินาติไว้ทั้งหมด เค้าถูกใช้ประโยชน์ครับ เหมือนดาราและนักร้อง
เกือบทุกคนในอเมริกา คุณอย่าดังนะ ถ้าดังคุณต้องเป็นคนของเค้า
ถ้าปฏิเสธ คุณจบครับ แล้วใครที่เข้าไปแล้วห้ามออกครับ เพราะเค้ากลัว
ความลับรั่วไหล แต่ก็มีบางคนพยายามทำ และต่อต้านเช่น MJ, John Lennon,
TUPAC, Jimmy Hendrix ความอึดอัดของพวกเค้าจะสะท้อนออกมา
ในงานของทุกคนครับ หลายวันนี้เอาอีกแล้ว Charlie Sheen ออกมาเรียกร้อง
เรื่อง 911 จับตาดูให้ดีครับจะจบยังไงคงจะไม่ต่างกันครับ จนในที่สุด MJ
เค้าหันหลังให้อิลูมินาติ แต่เค้าไม่ออกมาเฉยๆ ครับ แต่ออกมาพยายามเปิดเผยครับ
ลองกลับไปดูมิวสิกวีดีโอของเค้า (They don't care about us) คุณจะเห็น
เหมือนที่ผมเห็นครับ สุดท้าย…….ต้องเก็บครับ

 มาดูกันครับว่าจริงๆ แล้ว Hollywood เป็นใครครับ แล้วเค้าทำอะไรบ้างในหลาย
ทศวรรษที่ผ่านมา ดูหนัง Hollywood เหล่านี้ครับ แล้วหาสิ่งที่เค้าซ่อนไว้คือ
ตราสัญลักษณ์ต่างๆ ตามที่อยู่ข้างล่างเลยครับ พวกมันมักจะยัดเยียดสิ่งต่างๆ
เหล่านี้ให้เราดูครับโดยที่เราไม่รู้ตัวครับ ยัดเยียดให้ดูด้วย แล้วได้เงินอีก


Illuminati Symbolism In Movies (NEW VERSION - MUST SEE ALL OF VIDEO!) - High Definition
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: 27 มกราคม 2553 01:01:48 »


ปลามันมีอยู่แล้ว ผมแค่อยากจะบอกวิธีหามัน สำหรับคนที่ต้องการ


เรื่องนี้หนักครับ มันเป็นเหมือนหลุมดำ ถ้าคุณมาถึงตรงนี้ก็คือคุณ
รู้อะไรมากกว่าคนอเมริกันครับ ก็คือ คุณรู้จักคนอเมริกันมากกว่า
ที่เค้ารู้จักตัวเค้าเองอีก

 แต่เค้าก็จะ ”ยังคง” และ “ถูก” ปิดหูปิดตาและหลอกไปอีกนาน
แสนนานจนเค้าถูกฆ่าด้วยไวรัสและวัคซีนนั่นแหละ ครับ ผมถึงเรียกเค้าว่า
“American Sheeple” ครับ 

 คงสงสัยว่าทำไม คนรู้เรื่องนี้ น้อยจังเลยครับ
คำตอบคือ American Sheeple ครับ คือเค้าเชื่อทุกอย่างที่รัฐบาลเค้าบอกครับ
เหมือนกับฝูงแกะที่คนเลี้ยงแกะจะต้อนไปทางไหนก็ได้ครับ

   ผมหวังแค่ว่าให้เพื่อนๆได้   "รับรู้ไว้ใช่ว่า......" ครับ ถ้ามันไม่เป็นจริง
ขอให้คิดซะว่า เรื่องเล่าของเค้าสนุกดีเป็นพอครับ   

  หากในอนาคตเกิดเหตุการอะไร ที่ไปในทางที่เราเคยได้รับรู้มาอย่างน้อยที่สุด
เราจะได้รู้ว่าก้าวต่อไปคืออะไร และคุณก็มีวิธี หาปลาแล้ว...... 
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: 27 มกราคม 2553 01:07:26 »


ระเบียบโลกใหม่ และ…รัฐบาลโลก???


นับตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ ๒๐ หรือปี ค.ศ. ๑๙๐๐ เป็นต้นมา…
จะเป็นเพราะความชุลมุนวุ่นวายอันเนื่องมาจาก ความขัดแย้งทาง
อำนาจและผลประโยชน์ในหมู่ชาติต่างๆ ในยุโรป ที่ปรากฏสืบเนื่อง
มาโดยตลอด และทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นสงคราม
ครั้งแล้ว ครั้งเล่า หรือจะมีองค์ประกอบอื่นๆ อีกด้วยหรือไม่? ก็แล้วแต่
บรรดาชาวยุโรปจำนวนไม่น้อย ได้เริ่มออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ
เรื่องราวของ "รัฐบาลโลก” (World Government) ที่จะทำหน้าที่ขจัด
ความขัดแย้งแตกต่างทางการเมืองและผลประโยชน์ระหว่างชาติ ต่างๆ ด้วย
“การทำโลกให้เป็นโลกเดียว” (One World) หรือ ”การสร้างสรรค์ระเบียบใหม่”
 ให้กับโลก (New World Order)…

กลุ่มคน ที่พยายามนำเสนอแนวคิดเหล่านี้ มีทั้งประเภทที่หนักไปในทาง
คิดฝันกันในเชิงอุดมคติ เช่น "เฮอร์เบิร์ต จอร์จ เวลส์” หรือ "เอช.จี.เวลส์”
นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงก้องโลก ที่ได้กล่าวถึงแนวคิดเหล่านี้
เอาไว้หลายครั้งหลายหนในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือถึงกับเคยเขียนถึงสิ่งเหล่านี้
เอาไว้ในปี ค.ศ. ๑๙๓๙ ในหนังสือชื่อ "One World State” ส่วนนักคิดและ
นักปรัชญาอย่าง "เบอร์ทรัล รัซเซล” ได้กล่าวไว้ในปี ค.ศ. ๑๙๔๖ ถึงความหวังต่อ
"สันติภาพถาวร” ถ้าหากมี "รัฐบาลโลก” ถูกจัดตั้งขึ้นมาบนพื้นฐานความเห็นชอบ
ของนานาชาติ เพื่อควบคุมภยันตรายจากอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งกำลังเริ่มก่อให้เกิด
ความตึงเครียดกับโลกทั้งโลกมาตั้งแต่ช่วงระยะนั้น ….หรือนักปราชญ์อาวุโสอย่าง
"อาโนลด์ ทอยน์บี” ก็ถือได้ว่าเป็นอีกผู้หนึ่งที่ให้ความสำคัญกับแนวคิดที่ว่านี้และ
ได้กล่าว ไว้ในปี ค.ศ. ๑๙๖๑ ถึงความหวังที่จะมีรัฐบาลโลกเพื่อนำมาซึ่งหลักประกัน
สำหรับความอยู่รอดของ มวลมนุษยชาติในยุคนิวเคลียร์…
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #15 เมื่อ: 27 มกราคม 2553 01:10:17 »


ในขณะเดียวกัน…กลุ่มคนที่ไม่ได้มองแนว คิดเหล่านี้เพียงแค่ในเชิงอุดมคติ
แต่ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นจริงเป็นจังขึ้นมา
 และมีจุดมุ่งหมายที่หนักไปในลักษณะของความทะเยอทะยานอันมีแรง
ผลักดันมาจาก ความรู้สึกถึงความสูงส่งของเผ่าพันธุ์และชนชาติของตัวเองกัน
เป็นการเฉพาะ ก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เช่น แนวความคิดของ "เซซิล จอห์น โรเดส”
นักธุรกิจเหมืองแร่และเจ้าที่ดินใหญ่ชาวอังกฤษที่ถือกำเนิดในแอฟริกาใต้ และเป็น
ผู้มีส่วนผลักดันให้เกิดประเทศ "โรดิเซีย” (ซิมบับเว) ก็เคยเสนอแนวความคิดใน
ลักษณะเช่นนี้ไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปี ค.ศ. ๑๙๐๐ ถึงความต้องการที่จะให้ประเทศ
สหรัฐอเมริกาและอังกฤษจัดตั้ง "สหพันธ์รัฐบาลโลก” (Federal World Government)
เพื่อที่จะช่วยปกป้องดูแลให้เกิดสันติภาพขึ้นมาในโลกที่มีชาวผิวขาวปกครอง
และมีภาษาอังกฤษใช้เป็นภาษาหลัก…หรือ "ไลโอเนล เคอร์ติส” นักคิด
ชาวโปรเตสแตนท์ที่ได้เขียนหนังสือชื่อ "Commonwealth of God”
ในปี ค.ศ. ๑๙๓๘ ปลุกเร้าให้สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ "ทำงานของพระเจ้า”
(Work of God) ด้วยการรวมตัวกันจัดตั้ง "รัฐบาลโลก” เพื่อให้เกิดอาณาจักร
ของพระเจ้าที่ใช้ภาษาอังกฤษขึ้นมาในโลกนี้…

แต่ นอกเหนือไปจากนั้น…แนวคิดในเรื่อง "รัฐบาลโลก” ก็ยังได้ถูกพูดถึง หรือ
ได้ถูกสะท้อนออกมาผ่านทัศนคติของกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งน่าจะถือได้ ว่า
เป็นกลุ่มที่มีพลังมากที่สุด!!! ในการขับเคลื่อนแนวความคิดดังกล่าวให้เป็น
จริงเป็นจังขึ้นมาได้จริงๆ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่อุดมคติที่เลื่อนลอย หรือเป็นแค่
แนวความคิดที่เลอะเทอะ ไร้สาระดังเช่นกลุ่มอื่นๆ… นั่นก็คือกลุ่มที่มีจุดมุ่งหมาย
และแรงบันดาลใจมาจากความต้องการที่จะขยายขอบ เขตของผลประโยชน์ทาง
ธุรกิจของตัวเองให้กว้างขวางออกไปให้ได้มากที่สุดเท่า ที่จะมากได้… หรือ
บรรดากลุ่มอภิมหาธุรกิจทั้งหลายทั้งในซีกตะวันตกและตะวันออกของมหาสมุทร
แอตแลนติก อันประกอบไปด้วยกลุ่มนายธนาคารระหว่างประเทศ กลุ่ม
นักอุตสาหกรรม การค้า รวมไปถึงชนชั้นขุนนางในยุโรป…
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #16 เมื่อ: 27 มกราคม 2553 01:12:37 »


ด้วยอำนาจอิทธิพลทั้งในทางการ เมืองและเศรษฐกิจอันกว้างขวางใหญ่โตมหึมา…
การผลักดันให้แนวความคิดดังกล่าวเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา…จึงก่อให้เกิดการ
เคลื่อนไหวในการพัฒนากลุ่มก้อนองค์กรนานาชนิด ให้อุบัติขึ้นมารองรับแนวความคิด
เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง…ไม่ว่าจะเป็นการก่อ ตั้ง "ราชสมาคมว่าด้วยกิจการระหว่างประเทศ
” (Royal Institute for International Affairs) ขึ้นมาในประเทศอังกฤษ
ในปี ค.ศ. ๑๙๑๙ ตามมาด้วยการก่อตั้ง ”สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” หรือ
"CFR” ขึ้นในสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. ๑๙๒๐ การรวมตัวกันของนักธุรกิจการเงิน
ในอเมริกาและอังกฤษที่จัดให้มีการประชุม เพื่อสร้างระบบการเงินโลกที่ "เบรตตัน วูดส์”
 ในปี ค.ศ.๑๙๔๔ ซึ่งได้นำไปสู่การจัดตั้งธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ
ในเวลาต่อมา ไปจนถึงการรวมตัวของผู้นำทางการเมืองในการจัดตั้งองค์การสหประชาชาติ
ในปี ค.ศ. ๑๙๔๕ …

นอกเหนือไปจากนั้น กลุ่มอิทธิพลทางการเมืองและทางการค้าเหล่านี้ยังพยายามสร้าง
เครือข่ายเชื่อม ประสานผลประโยชน์ทางการเมืองและทางการค้าขึ้นมาด้วยองค์กรที่เรียกกันว่า
"บิลเดอร์เบอร์ก” ในปี ค.ศ. ๑๙๕๔ และยังมีส่วนผลักดันให้เกิดองค์กร "ตลาดร่วมยุโรป”
หรือ "European Common Market” (EEC)ในปี ค.ศ. ๑๙๕๗ ที่ได้กลายมาเป็น
"สหภาพยุโรป” ในทุกวันนี้ เกิดการจัดตั้ง "คณะกรรมการ ๓ ฝ่าย” หรือ
"The Trilateral Commission” เพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายอำนาจของพันธมิตรอเมริกาเหนือ
-ยุโรป-เอเชียเข้าด้วย กันในปี ค.ศ. ๑๙๗๓ จัดตั้ง ”องค์การการค้าโลก” หรือ "World Trade
Organization” (WTO) ในปี ค.ศ. ๑๙๙๕… ฯลฯ บรรดาความเคลื่อนไหวเหล่านี้…
ล้วนแล้วแต่ดำเนินสืบเนื่องกันมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ภายใต้จุดมุ่งหมายที่สะท้อนให้เห็นถึง
ความพยายามที่จะนำพาโลกไปสู่การ "ทำให้โลกเป็นโลกเดียว”…โลกที่ได้รับการ "
จัดระเบียบขึ้นมาใหม่” ให้อยู่ภายใต้อำนาจของ "รัฐบาลโลก”…???
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #17 เมื่อ: 27 มกราคม 2553 01:15:09 »


แนวคิดในลักษณะที่ว่านี้…อันที่จริงก็ไม่ได้มีการแสดงออกในลักษณะ
ปิดบังหลบ ซ่อนกันซักเท่าไหร่นัก หรือมันค่อยๆ พัฒนาตัวเองขึ้นมาใน
แนวเดียวกันกับที่ "เอช.จี.เวลส์” ได้เคยให้คำแนะนำเอาไว้ตั้งแต่แรกว่า
สามารถกระทำได้ในลักษณะที่เรียกว่า "การสมคบคิดอย่างเปิดเผย”
(open conspiracy) นั่นเอง…ด้วยเหตุนี้…นับตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๒๒ มาแล้ว
หรือเพียงแค่ประมาณ ๓ ปีเท่านั้นหลังจากได้มีการจัดตั้งสภาความสัมพันธ์
ระหว่างประเทศโดยมีอภิมหา นักธุรกิจร็อคกี้เฟลเลอร์ ดำรงตำแหน่งประธานสภา
บทความในนิตยสาร "ฟอร์เรจน์ แอฟแฟร์” ของ CFR ที่เขียนโดยสมาชิกของ
องค์กรชื่อว่า "ฟิลลิป เคอร์” ซึ่งได้จุดประกายความคิดเหล่านี้ไว้อย่างชัดเจน
มาตั้งแต่นั้นแล้ว ก็ได้ระบุว่า… "ตราบใดที่ประเทศต่างๆ ในโลกนี้ยังถูกแยกให้
เป็นอิสระจากกันและกัน…สันติภาพและความรุ่งโรจน์ที่จะ มีต่อมวลมนุษยชาติ
ย่อมไม่อาจปรากฏเป็นจริงขึ้นได้ และกว่าที่จะมีการคิดค้นสร้างสรรค์ระบบ
ความร่วมมือระหว่างชาติขึ้นมาได้ จริงๆ…ปัญหาที่แท้จริงในขณะนี้น่าจะอยู่ที่ว่า…
ทำอย่างไรที่จะทำให้มีรัฐบาลโลกเกิดขึ้น…”

นอกเหนือไปจากนั้น…สมาชิก คนสำคัญๆ ของ CFR ในแต่ละยุค แต่ละรุ่น
ก็เคยแสดงออกถึงแนวความคิดในลักษณะดังกล่าวอย่างไม่ได้ปิดบังซ่อนเร้นอะไร
มากมายนัก ไม่ว่าจะโดย "เซอร์ ฮาโรลด์ บัตเลอร์” ที่ได้แสดงความเห็นในวารสาร
CFR ในปี ค.ศ. ๑๙๔๘ ว่า…"จะอีกนานเท่าไหร่สำหรับชีวิตของรัฐชาติ…
จะอีกนานเท่าไหร่ที่เขาทั้ง หลายพร้อมที่จะยอมเสียสละบางส่วนของบูรณภาพ
โดยไม่คิดว่าจะเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเมืองและเศรษฐกิจจน
ไม่อาจยอมรับได้…เมื่อนั้นนั่นแหละที่…ระเบียบโลกใหม่… ก็จะปรากฏตัวขึ้นมา
และจะเป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นสหประชาชาติที่แท้จริง หรือการนำไปสู่
การกำหนดชะตากรรมร่วมกันของโลกใบนี้…”
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #18 เมื่อ: 27 มกราคม 2553 01:18:03 »


แม้กระทั่ง ทายาทตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์ อย่าง "เนลสัน ร็อคกี้เฟลเลอร์”
ก็ได้เขียนถึงแนวคิดเหล่านี้ไว้ในหนังสือเรื่อง "Future of Federalism”
ในขณะเป็นผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ค ในปี ค.ศ. ๑๙๖๒ และได้ยืนยันถึงแนวคิด
เหล่านี้อีกครั้งต่อสำนักข่าว เอ.พี. ในระหว่างการลงสมัครชิงตำแหน่ง
ประธานาธิบดีสหรัฐ ในปี ค.ศ. ๑๙๖๘ ว่าเขาต้องการที่จะใช้ฐานะความเป็น
ประธานาธิบดีสหรัฐ ในการผลักดันเพื่อให้เกิดการริเริ่มสร้างสรรค์อันจะนำไปสู่
"การจัดระเบียบโลกใหม่”…เช่นเดียวกับ "จอร์จ บอลล์” สมาชิกคนสำคัญของ
CFR ผู้เคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงเศรษฐกิจของอเมริกา ที่ได้เคยขาย
ความคิดเหล่านี้ไว้ในระหว่างการปราศรัยต่อคณะกรรมการหอการค้า ระหว่าง
ประเทศของอังกฤษ ในปี ค.ศ. ๑๙๖๗ ว่า "เขตแดนทางการเมืองของรัฐชาตินั้น
คับแคบเกินไป และจำกัดขอบเขตกิจกรรมของธุรกิจสมัยใหม่ บรรษัทที่มีวิสัยทัศน์
ในการดำเนินกิจการระดับโลกย่อมหวังที่จะเห็นแนวโน้ม ของโลกที่ไม่เพียงแต่
สินค้าเท่านั้นที่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างเสรี… แต่ยังต้องรวมถึงปัจจัยการผลิต
ทั้งหมดที่ไม่ควรถูกจำกัดขอบเขตโดยความเป็น ชาติอีกด้วย…” หรือ "เลสลี เกลบ์”
ประธาน CFR ที่ได้ยืนยันเอาไว้ในรายการโทรทัศน์ในอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. ๑๙๙๓
ว่า องค์กรอย่าง CFR ได้กล่าวถึงเรื่องราวของระเบียบโลกใหม่มานานแล้ว และ
ถือเป็นแนวความคิดพื้นฐานของ CFR ที่ได้ตอกย้ำมาโดยตลอดถึงการทำให้โลกเป็นโลกเดียว….

ภายใต้บทบาทของ กลุ่มคนเหล่านี้ ที่ล้วนแล้วแต่มีอิทธิพลและความผูกพันใกล้ชิดกับ
รัฐบาลอเมริกันมาในแต่ละยุค แต่ละสมัย จึงทำให้ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดว่า เหตุใด
ผู้นำทางการเมืองของอเมริกาในแต่ละยุคต่างก็ได้สืบทอดแนวความคิดเหล่า นี้ต่อเนื่อง
กันมาโดยตลอด ไม่ว่า ”แฟรงค์กลิน ดี. รูสเวลท์” ที่ใกล้ชิดกับ CFR ตั้งแต่เป็นผู้ว่าการ
รัฐนิวยอร์ค และรับเอาบันทึกช่วยจำของ CFR ไปใช้เป็นนโยบายต่างประเทศอเมริกาใน
ช่วงเริ่มต้นสงครามโลกครั้งที่ ๒ ประธานธิบดี "เฮนรี่ ทรูแมน” ที่ถึงกับประกาศเอาไว้ใน
ปี ค.ศ. ๑๙๔๕ ว่า…”เป็นสิ่งที่ง่ายมากสำหรับชาติต่างๆ ที่จะเป็นสหพันธรัฐโลก เหมือน
อย่างที่เราได้เป็นสหรัฐอเมริกาอยู่ในทุกวันนี้…” หรือ "เจมส์ พี.วาร์เบอร์ก” สมาชิกคณะ
กรรมาธิการวุฒิสภาว่าด้วยกิจการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่ได้กล่าวไว้ในปี ค.ศ. ๑๙๕๐
ว่า…"เราจะต้องมีรัฐบาลโลก…ไม่ว่าเราจะชอบมันหรือไม่ก็ตาม คำถามมีอยู่แค่เพียงว่า
มันจะบรรลุความเป็นไปได้ด้วยการยินยอมหรือโดยการบังคับ…เท่านั้นเอง…” และแนวคิด
เช่นนี้ก็ได้ปรากฏให้เห็นสืบทอดกันมาโดยตลอดไม่ว่าจะโดยรัฐบาลของ
รีพับลิกันหรือดีโมแครตก็ตาม…
บันทึกการเข้า
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #19 เมื่อ: 27 มกราคม 2553 01:20:45 »


คำประกาศถึง "การจัดระเบียบโลกใหม่” ภายใต้การนำของสหรัฐอเมริกา
ที่เกิดขึ้นในวันที่ ๑๑ กันยายน ปี ค.ศ.๑๙๙๐ โดยประธาธิบดี "จอร์จ บุช”
แห่งพรรครีพับลิกัน หลังสงครามเย็นได้ทำท่าว่าใกล้จะยุติลงไป จึงเป็นสิ่งที่มี
เนื้อหาไม่ต่างอะไรไปจากแผน "ยุทธศาสตร์แห่งชาติ” ในยุครัฐบาลประธานาธิบดี
”บิล คลินตัน” แห่งพรรคดีโมแครต หรือที่รู้จักกันในนาม "แผนยุทธบริเวณใหม่ของ
ยุทธการสหรัฐ-ทางการเมือง-การทหาร” (Political-Millitary-A new
Theater of Operation) หรือ "แนวทางยุทธศาสตร์ในอนาคตของ
สหรัฐอเมริกา” ที่ถูกประกาศออกมาในปี ค.ศ .๑๙๙๘.. และสิ่งเหล่านี้ได้ถูก
ยกระดับให้เป็นจริงเป็นจังยิ่งขึ้นไปอีกโดย ประธานาธิบดี ”จอร์จ ดับเบิลยู บุช”
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ ๑๑ กันยายน ค.ศ. ๒๐๐๑ ด้วยการประกาศแนวทาง
ของรัฐบาลอเมริกันต่อประเทศต่างๆ ในโลกเอาไว้ว่า…"ใครก็ตามที่ไม่ได้ยืนอยู่
เคียงข้างอเมริกา…ผู้นั้นก็คือ ฝ่ายผู้ก่อการร้าย” ซึ่งถือได้ว่า เป็นคำประกาศที่
ไม่ต่างไปจากการสถาปนาตัวเองให้เป็น ”รัฐบาลโลก” อย่างเป็นทางการ…นั่นเอง!!!

แต่ในขณะที่รัฐบาลอเมริกาได้สถาปนา ตัวเองให้กลายมาเป็นรัฐบาลโลกกันไปแล้ว
นั้น… ลึกลงไปในหน้าตาของความเป็นรัฐบาลอเมริกัน…ก็คงไม่ได้มีแต่ชาวอเมริกัน
ที่มี บุคลิกโง่ๆ เซ่อๆ อย่างเช่นประธานาธิบดี "จอร์จ ดับเบิลยู. บุช” เท่านั้น…
ที่แสดงออกถึงความต้องการที่จะเป็นผู้กำหนดทิศทางความเป็นไปของโลก
ทั้งโลกในปัจจุบันและในอนาคตข้างหน้า…. เพราะภายใต้ความเป็นรัฐบาลอเมริกัน
ในแต่ละยุคแต่ละสมัยมันมักจะถูกแวดล้อมไป ด้วยบรรดา "ชาวยิว” หรือบรรดา
”ชนชาติที่พระเจ้าได้เลือกสรรแล้วให้เป็นผู้ปกครองโลก” สอดแทรกอยู่ภายใน
ทำเนียบประธานาธิบดีอย่างเป็นเครือข่าย… และดูเหมือนว่าบรรดากลุ่มคนเหล่า
นี้นี่แหละ… ที่น่าจะเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญเอามากๆ หรือมีบทบาทอยู่เบื้องหลัง
การกำหนดทิศทางของโลกอย่างแท้จริง…???
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า:  [1] 2 3 ... 10   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.854 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 20 ธันวาคม 2567 03:03:02