อย่างไรก็ตามคุณสามารถลดอาการตึงและปวดเมื่อยบ่านี้ได้โดยการหมุนไหล่แบบกายบริหารของ เด็กๆ
ที่หมุนไหล่มาข้างหน้าและย้อนกลับหลัง โดย ทำเมื่อหยุดพักหรือหากเมื่อยในขณะขับรถ
ท่านสามารถทำการแบะไหล่ไปด้านหลังและ แอ่นตัวมาข้างหน้าหรือทำการหมุนไหล่ข้างเดียวได้
โดยพิจารณาถึงความปลอดภัยในขณะขับขี่เป็นหลัก
สำหรับ อาการปวดเมื่อยหลังเกิดขึ้นได้เนื่องจากท่านั่งเป็นท่าที่หมอนรองกระดูก สันหลังมีแรงกด
มากกว่าท่าอื่นๆ แม้ว่าจะมีเบาะพนักพิงก็ตาม แต่หลังที่อยู่ในลักษณะโค้งงอ ย่อมส่งผลต่อแรงดัน
ในหมอนรองกระดูกสันหลัง โดย มีแรงกดด้านหน้าหมอนรองกระดูกมากกว่าด้านหลัง หมอนรองกระดูก
จึงมีแนวโน้มที่จะปลิ้นไปทางด้านหลังและอาจเกิดปัญหาของหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทได้
เอ็นและกล้ามเนื้อที่อยู่ด้านหลังจะถูกยืดมากกว่าเมื่อหลังอยู่ในท่าตรง
ดังนั้น สิ่งที่ควรทำเมื่อพักรถคือ ค่อยๆ ลงจากรถ ไม่ลุกแบบพรวดพราดและก่อนจะลุกขึ้น
ควรทำการยืดตัวและแอ่นหลังประมาณ 3-4 ครั้งก่อน แล้วค่อยลุกขึ้น และเมื่อลุกขึ้นแล้ว
ควรทำการยืดหลังและแอ่นหลังในขณะท่ายืนอีก 10 ครั้ง แล้วถึงจะทำการก้มหลังหรือใช้งานหลัง
ได้ตามปกติ เหตุที่ให้ทำเช่นนี้ เพราะว่าเอ็นที่อยู่ด้านหลังเมื่อนั่งนานๆ จะล้า ขาดความยืดหยุ่นตัว
และถ้าก้มบิดตัวหรือใช้งานหลังหนักๆ(เช่น การยกของหนัก) การก้มขณะที่จะลุกจากรถ
อาจมีผลต่อการเคลื่อนหรือปลิ้นตัวของหมอนรองกระดูกสันหลังได้
หากเกิดอาการปวดเมื่อยล้าหลังขณะขับรถคุณสามารถนำหมอนเล็กๆ สอดไว้ที่หลังส่วนล่าง
ระหว่างเบาะกับหลังของคุณเพื่อให้หมอนเป็นตัวดันให้ หลังแอ่นตัวเล็กน้อย แต่ไม่ควร
นั่งพิงหมอนนั้นตลอด เพราะจะเกิดความล้าต่อหลังได้เช่นกัน
การขับรถเกียร์อัตโนมัติ ความเมื่อยล้ากล้ามเนื้อหน้าขาและน่องเกิดได้จากการที่ต้องขยับขาเพื่อการ
เหยียบเบรกและคันเร่ง ขณะที่ถ้าขับรถเกียร์ธรรมดาจะมีอาการเมื่อยล้าขาซ้ายเพิ่มขึ้น
เนื่องจากการเหยียบคลัตช์