[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
22 ธันวาคม 2567 18:58:28 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  1 2 [3] 4 5   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สมุดภาพพุทธประวัติ สำหรับประชาชน เล่าโดย พระอาจารย์พยอมกัลยาโณ  (อ่าน 78360 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2553 20:40:42 »


นำมาจาก   สมุดภาพพุทธประวัติ สำหรับประชาชน
เล่าโดย
พระอาจารย์พยอมกัลยาโณ  

วาดภาพโดย  พระอาจารย์คำนวณ  ชานันโท



ภาพที่ 1

อุบัติแห่งพระศาสดา



มีการอุปมาว่า องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น  ทรงแสดงธรรมอุปมาได้  4  อย่าง  เหมือนหงายของที่คว่ำ  เหมือนเปิดของที่ปิด  เหมือนชี้ทางกับผู้เดินทางไม่ให้หลงทาง   เหมือนจุดประทีปเอาไว้ในที่มืด  ประทีปที่จุดไว้ในที่มืดสามารถทำให้ผู้เดินทางได้เห็นอย่างแจ่มชัด   ไม่สะดุดและไม่เดินชนสิ่งกีดขวาง  ชีวิตจะได้ราบรื่น  เมื่อพระศาสดาอุบัติเกิดขึ้น  ฝูงชนเป็นอันมากพากันแซ่ซ้องสาธุ ตั้งแต่ราชามหากษัตริย์  ถึงยาจกยากจนแสนเข็ญ  รวมถึงสัตว์โลกทั้งหลาย


ภาพที่ 2

พระนางสิริมหามายาทรงพระสุบิน


ก่อนที่พระนางสิริมหามายาจะทรงครรภ์ราชโอรสผู้มีบุญญาธิการเป็นพระศาสดาเอกของโลกนั้น  ได้ทรงพระสุบินไปว่า  ได้ประทับอยู่ในสวนป่าที่สวยงาม  และมีช้างตัวหนึ่งเยื้องย่างนำดอกบัวมาให้  เมื่อพระนางรับดอกบัวไว้แล้วก็ตื่นขึ้น  รู้สึกได้ว่าตั้งครรภ์


ภาพที่ 3

ชวนพระสวามีรักษาอุโบสถศีล


เมื่อพระนางสิริมหามายาทรงครรภ์แล้ว ก็รู้ตัวว่าจะต้องทำความดีเพื่อลูกในท้อง จึงได้ชักชวนพระเจ้าสุทโธทนะว่า เสด็จพี่ ตอนนี้น้องมีท้องแล้ว อยากจะให้ลูกในท้องนี่มีศีลธรรมโดยสายเลือด ฉะนั้น เราควรจะต้องแวดล้อมด้วยการมีคุณธรรมกัน ช่วยกันถือศีล งดเว้นประเวณี ถืออุโบสถศีล เพื่อจะได้ลูกในท้องที่มีคุณธรรมมาเกิด ว่านอนสอนง่าย พระนางได้ชวนพระสวามี พระเจ้าสุทโธทนะก็ยินดีปรีดาจะร่วมรักษาศีลอุโบนถเพื่อแวดล้อมพระราชโอรสให้มีคุณงามความดีมาเกิด ผู้หญิงสมัยก่อนนี้ส่วนใหญ่เมื่อตั้งครรภ์ มักจะชวนสามีทำความดี อาตมาจึงขอเตือนว่า พ่อแม่นี่ควรจะทำแต่สิ่งที่ดีงาม ให้ซึมซาบเข้าไปในสายเลือด จะได้ลูกดี ๆ มาเกิด


ภาพที่ 4
คลอดพระราชโอรส


พระราชโอรสได้คลอดแล้วที่สวนป่าลุมพินีวัน เพราะเดินทางผ่านมาเพื่อที่จะไปคลอดที่บ้านพ่อแม่ของตน เป็นไปตามประเพณี พระพุทธเจ้าตอนที่เป็นพระราชโอรสนั่นมาคลอดที่สวนป่าลุมพินีวัน ตรงนี้ก็น่าคิดที่ว่า พระพุทธเจ้าเป็นลูกกษัตริย์ แทนที่จะประสูติอยู่บนปราสาทบนราชวัง กลับมาประสูติอยู่ที่พื้นดิน และพระพุทธเจ้าก็ใช้ชีวิตอยู่ตามพื้นดิน ประสูติก็ที่พื้นดิน ตรัสรู้ก็ที่พื้นดิน สอนสาวกตามพื้นดิน นิพพานที่พื้นดิน


ภาพที่ 5
รับพระราชโอรสกลับพระนคร

เมื่อได้ทราบข่าวพระราชโอรสคลอดยู่ในป่า พระเจ้าสุทโธทนะผู้เป็นพระราชบิดาก็จัดขบวนช้างขบวนม้ามารับพระราชโอรสกลับพระนคร นี่คนดีมีบุญญาธิการมาเกิดจะเกิดในป่าในดง เขาก็เอาม้าเอารถมารับกลับพระนคร ส่วนคนที่มีเศษบาปเศษกรรมมาเกิดเขากลับเอาถังขยะเข้าไปรับ หรือรีดใส่โถส้วม ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด

     ฉะนั้น บุญญาธิการเราควรจะสรรค์สร้าง อย่าดูถูกเรื่อบาปเรื่องกรรม เรื่องเศษบุญเศษบาป เศษกรรมกันนัก ควรจะสร้างสมเอาไว้ ถ้าเราชื่อบาป เชื่อกรรม และตั้งใจทำแต่กรรมดี ชาตินี้เราก็ชื่นอกชื่นใจ เป็นคนสบายใจตลอดชีวิต
 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 กุมภาพันธ์ 2553 20:18:27 โดย เงาฝัน » บันทึกการเข้า
 
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #41 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 06:25:01 »


ภาพที่ 72

โทษการหลงใหลหลับนอน



พระองค์ได้ทรงแสดงโทษของการหลงใหลในการนอน บอกกับภิกษุทั้งหลายโดยเล่าเรื่องเจ้าแผ่นดินแห่งลิจฉวีให้ฟังว่า เมื่อก่อนโน้นกษัตริย์ลิจฉวีนอนหนุนขอนไม้ ไม่เห็นแก่การนอน มีความเพียรที่จะปกป้องแผ่นดิน ต่อมากษัตริย์ลิจฉวีหันมานอนหนุนหมอนอันนุ่มนิ่ม ก็เกิดนอนตื่นสาย มารหรือศัตรูย่อมได้ช่อง ฉะนั้นพระองค์ได้ทรงเน้นกับภิกษุทั้งหลายว่าอย่าเห็นแก่นอนมารจะได้ช่อง อย่าปล่อยให้มารผู้มีบาปเข้าครอบงำคือการหลับใหล แล้วเราจะไม่มีความเพียร ความระวัง ในการที่ป้องกันกิเลส เผาผลาญกิเลส ฉะนั้นอย่าเห็นแก่การนอน นี่คือคำสอนและวิงวอนชักชวนของพระผู้มีพระภาคแห่งเราทั้งหลาย

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #42 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 06:27:59 »


ภาพที่ 73

มหาสติปัฏฐาน



ต่อมาพระองค์ได้ทรงแสดงธรรมกับภิกษุว่า อิริยาบถสี่ คือ การยืน เดิน นั่ง นอน ให้สมบูรณ์อยู่ด้วยสติปัฏฐานสี่ การตั้งสติกำหนดพิจารณาสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นตามความเป็นจริง คือความที่สิ่งนั้นมันเป็นของมันเอง คือเฝ้าพิจารณาอยู่เนือง ๆ ในกาย…การตั้งสติกำหนดพิจารณากายให้รู้เป็นตามเป็นจริง เวทนาการตั้งสติกำหนดพิจารณาเวทนาให้รู้เป็นตามเป็นจริง จิต…การตั้งสติกำหนดพิจารณาจิตให้รู้เป็นตามเป็นจริง และธรรม…การตั้งสติกำหนดพิจารณาธรรมให้รู้เป็นตามเป็นจริง อย่าปล่อยให้อิริยาบถทั้งสี่เป็นเรื่องคลุกคลี ปราศจากสติปัฏฐานสี่แล้ววันคืนของเธอทั้งหลายจะเจริญ

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #43 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 06:30:46 »


ภาพที่ 74

อสรพิษร้ายของภิกษุ



พระองค์ได้ทรงพูดกับพระอานนท์ถึงเรื่องห่อเงินและทอง ซึ่งตกอยู่ข้างคันนา ที่โจรปล้นแล้วนำมาทิ้งไว้ พระองค์ทรงชี้ให้เห็นว่า ห่อเงินและทองเหล่านี้ พวกเราทั้งหลายผู้เป็น บรรพชิตแล้ว ควรจะมองเห็นว่า นี่คืออสรพิษ ส่วนชาวบ้านทั่วไปมีจิตเพ่งเล็งเห็นว่าคือแก้วสารัดนึก เราควรเห็นว่านี่คือแก้วสาพัดพิษ เพราะว่าการแย่งข้าวของเงินทองนั้น ทำให้เข่นฆ่า แก่งแย่ง ล้างผลาญชีวิตซึ่งกันและกัน ฉะนั้นเราไม่ควรมีจิตยินดีในเงินและทอง นี่เป็นคำพร่ำสอนของพระศาสดาผู้ชี้โทษแก่พระสาวกทั้งหลาย ว่าอย่าเป็นผู้ยินดีสะสมในเงินและทอง

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #44 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 06:35:55 »


ภาพที่ 75

แสดงธรรมกระหนาบสาวก



พระองค์ทรงแสดงธรรมกระหนาบภิกษุทั้งหลายว่า…ถ้าขืนปล่อยทำตนให้มัวเมาเปียกแฉะ ซึ่งคนมากล่าวโทษในความประพฤติอันไม่ดีงามของเรา สูตรนี้พระองค์ทรงแสดงอย่างชนิดที่ให้ภิกษุผู้แก้ยาก หน้าด้าน ได้สะเทือนความรู้สึกสักทีหนึ่ง พระองค์ทรงแสดงธรรมโดยกล่าวเปรียบเทียบอุปมาว่า ภิกษุถ้าไม่ประพฤติพรหมจรรย์ให้งาม ให้ดี ประพฤติแหกคอกนอกวินัยแล้ว ก็จะมีลักษณะเหมือนกับการที่ได้กลืนกินก้อนถ่านเหล็กแดงของชาวบ้าน ที่เขาได้ให้ข้าว ให้น้ำ ให้อาหาร แล้วมีแรงทำความชั่ว ให้เร่าร้อนใจต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด

  ภิกษุทั้งหลาย ระหว่างการได้ลูบไล้สัมผัสกับลูกสาวคณหบดีที่มีผิวพรรณอันนุ่มนิ่มกับการเอาถ่านไฟแผ่นเหล็กนาบลงไปบนหลัง อันไหนจะดีกว่ากัน ภิกษุบางองค์ที่มัวเมาในการทำผิดกับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสอันนุ่มนวลชวนให้หลงใหลก็ตอบว่า ได้ลูบไล้ลูกสาวคหบดีนั่นแหละจะมีความสุข

  พระองค์บอกเราว่า…คนที่ประพฤติชั่วแล้ว ควรจะเอาแผ่นเหล็กนาบลูบไล้ให้ตายไปเสียในกองไฟในแผ่นเหล็กนั้น ยังดีกว่าที่จะกลืนกินก้อนข้าวชาวบ้านแล้วประพฤติชั่วจะทำให้ตัวเองต้องตกนรกคือร้อนใจไม่ได้หยุดหย่อน ถ้าได้ตายไปเสียเลยทีเดียว หมดแรงทำชั่วต่อไปจะดีกว่า

  และพระองค์ทรงเน้นว่า…การที่ได้เอามีดกรีดลงไปในหนังให้ขาดเป็นชิ้น ๆ ให้เลือดหยด กับการได้อภัยโกรธ หมายความว่า ถ้าหากว่าอยู่ด้วยความโกรธ อาฆาตมาดร้ายกับผู้อื่นแล้ว ให้เขาเอามีดเอาเลื่อยมา
กรีดเนื้อให้ขาดทะลุหนัง แล้วเรายังคุมความโกรธได้ ท่านก็ว่านั้นเป็นสาวกของเรา แต่ถ้าคุมไม่ได้ล่ะก็อย่าอยู่เลย ให้มันตายไปเสียดีกว่า เพราะฉะนั้นมีสาวกที่ขี้โกรธ ที่มัวเมาลุ่มหลงในกำหนัดขัดเคืองอะไรต่าง ๆ ที่ประพฤติไม่ดีอยู่ในจำนวนฟังครั้งนี้ มีพระภิกษุ 180 รูป ปรากฏว่ากระอักเลือดอาเจียนออกมาเป็นโลหิต 60 รูป ขอสึก 60 รูป และบรรลุพระอรหันต์ตรงนี้เอง 60 รูป

  ภิกษุผู้ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบ ฟังแล้วเกิดปิติปราโมทย์ ไม่ขยะแขยงในความประพฤติ ก็บรรลุธรรมไป

  ส่วนภิกษุผู้ที่ขยะแขยงต่อความประพฤติของตัวเองอย่างหนักก็ถึงกับกระอักเลือดหรืออาเจียนเป็นโลหิตออกมาเลยทีเดียว

  ความประพฤติทำให้ตัวเองต้องร้อน ถ้ากลืนกินก้อนข้าวชาวบ้านแล้วประพฤติชั่วก็เท่ากับคลืนกินของร้อนให้ตัวเองได้มีโอกาสหาเรื่องร้อนใส่ปาก ใส่ท้อง ใส่ใจต่อไปนั่นเอง

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #45 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 06:39:48 »


ภาพที่ 76

ความเห็นไม่ตรงกัน



พระภิกษุเป็นจำนวนมากพากันไปอยู่ในป่าโคลิงคสาลวันร่วมกับพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วเกิดความเห็นมีทิฎฐิไม่ตรงกัน พระสารีบุตรว่า ป่านี้จะต้องมีภิกษุที่มีปัญญาเรืองเลิศจึงจะทำให้เกิดความสวยงามขึ้นในป่านี้ พระโมคคัลลานะว่าจะต้องมีฤทธิ์ จึงจะทำให้ป่านี้สวยวิจิตรพิศดาร พระกัสสปะกล่าวว่า จะต้องถือธุดงค์เคร่งครัดจึงจะทำให้ป่านี้สวยชัดน่าชื่นชม อย่างนั้นอย่างนี้ จึงได้พากันนำเรื่องราวมาเฝ้ากราบทูลถามพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสกับภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นว่า ป่านี้จะงดงามต่อเมื่อภิกษุในป่านี้เสร็จภัตตกิจแล้ว ตั้งกายตรง ดำรงสติมั่น ถอนความพอใจและความไม่พอใจ คลายอุปาทานเสีย ป่านี้แหละจะงดงาม

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #46 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 06:42:35 »


ภาพที่ 77

แม่ทัพธรรม



ภาพนี้พระองค์ทรงแสดงธรรมกับพระปุณณะซึ่งมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการที่จะนำธรรมของพระศาสดาไปเผยแพร่ และเมืองที่จะไปนั้นเป็นเมืองที่มีคนดุร้าย มีคนโหดร้ายมาก พระองค์จึงได้ถามความแน่ใจว่า ปุณณะ ถ้าเธอจะไปเผยแพร่ธรรมในเมืองนั้นคนเขาไม่ชอบเขาด่าว่าเอาจะทำยังไง พระปุณณะตอบว่า…เขาด่าเขาว่าก็จะคิดว่าดีกว่าเขาขว้าง เขาทิ่ม เขาตี ถ้าเขาขว้างด้วยก้อนหินก้อนดินล่ะ…ก็คิดว่ายังดีกว่าที่เขาจะใช้มีดใช้ขวานฟัน ถ้าเขาใช้มีดใช้ขวานฟันลงมาล่ะ…ก็คิดว่ายังดีเราไม่ได้ฆ่าตัวตาย พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ปุณณะ เธอเหมาะสมแล้วที่จะเป็นแม่ทัพธรรม นำธรรมะสู่ประชาชน โดยไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใด ๆ

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #47 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 06:45:26 »


ภาพที่ ๗๘

ความหลุดพ้น



พระองค์ทรงแสดงธรรมกับภิกษุว่า พรหมจรรย์ของตถาคตนั้นเหมือนกับคนคนหนึ่งเดินเข้าไปในป่า ปรารถนาที่จะได้แก่นไม้ แต่แล้วไปติดแค่ใบไม้ เปลือกไม้ กระพี้ไม้ไม่เข้าถึงแก่น พูดง่ายๆว่า พอหลงใหลแค่ได้ลาภสักการะ แค่ศีล สมาธิ ไม่ถึงตัววิมุตติตัวปัญญาอันสูงสุด ฉะนั้นคนบางคนมาบวชแล้วเกิดลาภสักการะ ทำสมาธิก็ภูมิใจ พอใจ นึกว่าได้แค่นี้ดีที่สุด แล้วเลิกทำ…ไม่ใช่ เรื่องของศาสนาต้องถึงขั้นวิมุตติ คือหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง จึงเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ต้องระวัง พระองค์ทรงย้ำกับสาวกในครั้งกระโน้น ในครั้งกระนี้ถ้าอยู่…พระองค์คงจะเทศน์น่าดูทีเดียวให้เอาเปลือกไปทิ้งเป็นหอบๆกันละ
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #48 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 06:48:16 »


ภาพที่ ๗๙

อย่าเห็นแก่กิน



พระองค์ทรงแสดงธรรมกับภิกษุทั้งหลายว่า อย่าเห็นแก่ปากแก่ท้อง โดยแสดงอุปมาอุปมัยว่า เสมือนกับหญิงชายหญิงชายคู่หนึ่งมีลูกน้อยเดินทางไปกลางทะเลทราย เสบียงอาหารเกิดหมด เลยปรึกษากันว่าจะต้องฆ่าใครสักคนหนึ่งเพื่อให้ชีวิตอยู่รอดด้วยการกินเนื้อของลูกเพื่อประทังชีวิตไปพระพุทธองค์แสดงให้รู้ว่าการที่จะกลืนกินก้อนข้าว น้ำ อะไรๆเข้าไปไม่ใช่กินง่ายๆ ให้มีความรู้สึกว่าเหมือนกับกินเลือดกินเนื้อผู้อื่นทีเดียว เราจะได้กินข้าวของชาวบ้านเนี่ย ก็ต้องนึกว่าชาวบ้านเขาเสียเลือดเสียเลือดเสียหยาดเหงื่อไป จะเป็นการทำบาปเพราะเห็นแก่กิน

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #49 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 06:53:46 »


ภาพที่ ๘๐

อายตนะหก



พระองค์ทรงแสดงธรรมกับภิกษุ ให้เห็นว่าอาตยตนะทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของเรานั้น มันเหมือนการเอาสัตว์ 6 ชนิดมาผูกเชือกไว้ แล้วรวบมัดมันไว้ตรงกลาง งูมันก็จะเข้ารู จระเข้ก็จะลงน้ำ นกก็จะบินขึ้นฟ้า ลิงก็จะขึ้นต้นไม้ พวกหมู หมา กวาง เก้ง มันก็จะเข้าป่าเข้าดงไปตามเรื่องของมัน ก็เหมือนกับตาของเรา มันก็พยายามชอนไชหารูป หูก็พยายามที่จะหาเสียง ลิ้นก็พยายามที่จะหารส มันพยามยามดึงทุกวิถีทาง ฉะนั้น เราจะต้องคอยกระตุกเชือกไว้ตรงกลาง คือ มีสติคอยดึงตา ดึงหู ดึงจิต ไม่ให้มัน ไปยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส เพราะฉะนั้นชีวิตและวันคืนของเราก็คือคอยดึงเชือกไว้ แล้วชีวิตของเราก็จะสงบเย็น เพราะฉะนั้นต้องระวัง เรื่องนี้ท่านสอนไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #50 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 07:03:22 »


ภาพที่ ๘๑

ภัยอันเกิดขึ้นกับพรหมจรรย์



ครั้งหนึ่งพระองค์ทรงอุปมาภัยที่จะเกิดขึ้นกับพรหมจรรย์ ว่าเหมือนกับภัยอันเกิดจากปลาฉลาม จระเข้ น้ำวน คลื่นในมหาสมุทร

     ภัยจากปลาฉลาม คือ มาตุคาม ได้แก่ การถูกยั่วยวนจากเพศตรงข้าม

    ภัยจากน้ำวน คือ กามคุณห้า รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส หาเงินหาทองมาได้ก็วนไปหาซื้อรูปสวย ๆ เสียงเพราะ ๆ กลิ่นหอม ๆ รสอร่อย ๆ สัมผัสนุ่มนวล

    ภัยจากจระเข้ ก็คือกินตะพึดตะพือ จระเข้โยนอะไรไปก็หายตะพึด

   ภัยอันเกิดจากคลื่น คือ ทนความยั่วให้โกรธไม่ได้ มีอะไรมายั่วให้โกรธ ก็โกรธได้ง่าย นี้เป็นภัยของผู้ประพฤติพรหมจรรย์ สี่ประการนี้พระองค์ทรงเน้นย้ำแล้วย้ำอีก


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 กุมภาพันธ์ 2553 07:05:17 โดย เงาฝัน » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #51 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 07:10:34 »


ภาพที่ ๘๒

อย่าฝักใฝ่ในการกิน



พระองค์ทรงแสดงธรรมสอนภิกษุว่าอย่าทำตัวเหมือนตัวกังสรกะ อย่ามีจิตฝักใฝ่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องพร่ำสรรเสริญในเรื่องการได้กินได้อยู่อย่างสบาย เล่าง่าย ๆ ว่า มีภิกษุองค์หนึ่งไปบิณฑบาตบ้านญาติโยม ได้มาแล้วเกิดอร่อย ติดใจในรสอาหาร ก็มานั่งพูดกันว่า แหม เมื่อไรจะได้ไปบิณฑบาตบ้านนั้นอีก บ้านนั้นจะใส่อย่างนั้นอย่างนี้อีก

    พระองค์ก็ว่า ภิกษุเอ๋ย ถ้านั่งพูดกันอย่างนี้ก็เหมือนตัวกังสรกะที่ชอนไชอยู่ในกองอุจจาระปัสสาวะ ไม่ได้พ้นไปจากเรื่องกิน ซึ่งเมื่อย่อยเข้าไปก็เป็นอุจจาระ ที่ว่าเลิศว่าประเสริฐก็กลายเป็นของเน่า เพราะฉะนั้นอย่าให้จิตไปนั่งคิดนั่งนึกแต่เรื่องอย่างนี้ นี่ก็เรียกว่าเลวพอ ๆ กับไอ้ตัวกังสรกะชอนไชอยู่ นึกถึงอยู่แต่เรื่องกิน

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #52 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 07:33:26 »


ภาพที่ ๘๓

โปรดองคุลิมาล



ภาพนี้คือการโปรดองคุลิมาล ซึ่งเข้าใจผิดว่าถ้าได้ตัดนิ้วคนสักพันหนึ่งจะทำให้ตัวเองวิศษเลิศขึ้นมา จึงเบียดเบียนเข่นฆ่าเขา พระองค์ได้ไปทรงโปรดว่า องคุลิมาลเอ๋ย หยุดเถอะ ชีวิตที่เราพล่าผลาญเขานั้นน่ะ เหมือนกับเด็ดใบไม้ออกจากก้านจากขั้ว แล้วต่ออีกไม่ได้ ลูกเมียเขาต้องวิปโยคโศกศัลย์ องคุลิมาลเอ๋ย จงหยุดเสียเถอะ องคุลิมาลก็บอก ว่าเราน่ะหยุดแล้ว ท่านน่ะยังไม่หยุด ยังเดินไปอยู่ พระองค์บอกว่า เราน่ะหยุดจากการหยิบศาสตราวุธประหัตประหาร หยุดเบียดเบียนผู้อื่นแล้ว องคุลิมาลได้ฟังเช่นนี้ก็คิดได้ ก้มลงกราบพระองค์ ต่อมาองคุลิมาลก็ได้บวชและได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งในพุทธศาสนา



บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #53 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 07:38:56 »


ภาพที่ ๘๔

ความผิดของอชาติศัตรู



ภาพนี้แสดงถึงความผิดอันใหญ่หลวงของพระเจ้าอชาตศัตรู เมื่อได้ฆ่าพ่อแล้วก็เกิดความรู้สึกวิตกในบาป จึงสอบถามอำมาตย์ที่ไว้ใจทั้งหลายให้นำไปพบศาสดาที่จะช่วยสอนให้สงบใจ อำมาตย์ทั้งหลายก็พากันไปหาอาจารย์นั้นอาจารย์นี้ แต่ชีวกโกมารภัจจ์อำมาตย์คนหนึ่งได้บอกว่า ลองไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคซึ่งอยู่ในสวนมะม่วง ปรากฏว่าเมื่อเข้าไปใหม่ ๆ นั้น พระเจ้าอชาตศัตรูไม่รู้ว่าองค์ไหนเป็นพระพุทธเจ้า และรู้สึกวังเวงขนพองสยองเกล้า เนื่องจากพระสงฆ์จำนวน 500 รูปที่อยู่กับพระพุทธเจ้า ไม่มีเสียงกระแอมไอ ไม่เสียงที่จะโหวกเหวกโวยวาย จึงทำให้พระเจ้าอชาติศัตรูขนพองสยองเกล้าเนื่องจากกระทำผิด ทำการฆ่าพ่อของตน

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #54 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 07:44:09 »


ภาพที่ ๘๕

บาปที่ร้ายแรง



     พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโปรดพระเจาอชาติศัตรูเป็นเวลานานมาก แต่ปรากฏว่าพระเจ้าอชาตศัตรูไม่ได้บรรลุธรรม เพียงเกิดความเลื่อมใสและศรัทธาพระพุทธเจ้าขึ้น พระพุทธองค์จึงได้ตรัสกับพระสาวกว่า ถ้าหากพระเจ้าอชาตศัตรูได้ฟังธรรมเทศนาชุดนี้จบแล้ว โดยไม่ได้ไปกระทำบาป คือฆ่าพ่อมาก่อน พระเจ้าอชาติศัตรูจะต้องบรรลุธรรมในธรรมเทศนาครั้งนี้เป็นแน่นอน แต่เนื่องจากบาปที่ฆ่าพ่อนั้นมันมากเหลือเกิน แล้วคนที่เคยฆ่าพ่อฆ่าแม่นั้นเมื่อไปติดคุกแล้วมันบาปสาหัสสากรรจ์ คนในคุกนี้มันเตะมันซ้อมกันน่าดูเหลือเกิน บาปอะไรไม่ร้ายแรงเท่ากับฆ่าพ่อฆ่าแม่ เพราะฉะนั้นทุกท่านต้องพยายามนึกไว้อย่าได้เผลอใจไปฆ่าผู้เป็นพ่อเป็นแม่เข้า
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #55 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 07:49:19 »



ภาพที่ ๘๖

ตอบข้อสงสัยของพราหมณ์



มีพราหมณ์คนหนึ่ง ได้ไปเฝ้ากราบทูลพระพุทธเจ้าในทำนองว่า พระพุทธองค์คงจะทำอะไรไม่มีขั้นมีตอน และได้พูดขึ้นว่า…

     ข้าแต่พระองค์ท่านผู้เจริญ เขาจะทำบ้านทำเรือน เขายังมีขั้นมีตอน มีการขุดหลุม การตอกเข็ม ก่อตั้งเสา ขึ้นหลังคา อย่างโน้นอย่างนี้ อยากจะทราบว่า พระองค์มีขั้นตอนในการสอนสาวกอย่างไรบ้าง และมีลำดับในการปฏิบัติยังไง

     พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสตอบไปว่า…

   เราทำตามขั้นตอนเหมือนกัน คือพยายามปลุกเร้าชี้นำให้สาวกสำรวมในศีล สำรวมในปาติโมกข์ และเห็นโทษภัยในการทำผิดสิกขาบท ซึ่งแม้กระทั่งเล็กน้อย ให้เห็นโทษ อย่าประมาทในโทษอันเล็กน้อย เพราะมันจะคืบคลานให้ใหญ่ต่อไปได้ นี้ประการที่หนึ่ง

   ประการต่อมาก็คือ ให้สำรวมอินทรีย์ ระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ให้เป็นที่หลั่งไหลของอาสวะ คือความยินดียินร้ายมาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

   ประการถัดมา ให้ประกอบตนเป็นผู้ไม่ยินดีในการหลับไหล ไม่เห็นแก่นอน ให้มีความขวนขวายทำความเพียร ตื่นอยู่ทุกเมื่อ มีสติสัมปชัญญะ มีความเพียรเผากิเลส ถอนความพอใจและความไม่พอใจในโลกนี้

    ประการต่อมา พยายามแนะนำสั่งสอนให้ยินดีและเสพเสนาสนะอันสงัด ไม่เข้าไปคลุกคลีด้วยหมู่และคณะ เสนาสนะใดที่เขามีฝูงชนมากด้วยคลื่นฝูงชนพากันสนุกสนานบนถนนหนทางนั้น อย่าได้เข้าไปเสพในเสนาสนะเช่นนั้น

    ประการต่อมา พยายามให้เจริญฌาน พยายามเพ่งหาความสงบ และพยายามละนิวรณ์

  พระพุทธองค์ตรัสเป็นข้อเป็นลำดับมาอย่างนี้ ฉะนั้นกล่าวได้ว่า พระพุทธองค์มีการกระทำอย่างมีขั้นมีตอน ไม่ถูกเขากล่าวหาว่าเป็นคนทำอะไรไม่มีขึ้นมีตอน พระพุทธองค์จึงเป็นนักวิชาการที่วางขั้นตอนได้อย่างยอดเยี่ยม ตั้งแต่ให้เริ่มต้นสำรวมระวังในปาติโมกข์ สำรวมระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รู้จักประมาณในอาหาร ประกอบตนให้เป็นผู้ตื่น มีความเพียรเผากิเลส เสพเสนาสนะอันสงัด เจริญฌาน และละนิวรณ์


บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #56 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 07:53:02 »


ภาพที่ ๘๗

ข้าศึกของกุศล



ครั้งหนึ่งมีพวกนักแสดงร่ายรำฟ้อนรำมาทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ข้าพเจ้าทำโลกนี้ให้รื่นเริงตลอดเวลา เมื่อข้าพเจ้าตายไปแล้วนี่จะมีอานิสงส์เป็นอะไรบ้าง? พระพุทธองค์บอกว่าผู้ที่ทำความรื่นเริงให้กับโลกหลงใหล ด้วยการเอาความสนุกชนิดที่เป็นข้าศึกต่อกุศลมามอมเมาปวงชนให้สิ้นสติปัญญา ตายแล้วจะตกเป็นเปรต อสุรกาย เพราะทำให้คนส่วนใหญ่ลุ่มหลง เขาทำมาหากินเหน็ดเหนื่อย ก็ไปหลอกให้เขามาลุ่มหลงเอาเงินทองของเขาไปกินไปใช้อย่างมัวเมา ไม่เคยคิดจะเอามาสร้างสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล พวกนี้ตายแล้วก็เป็นเปรต นี่ขณะยังไม่ตายก็เป็นเปรต เพราะจะไปจัดวงดนตรีฉายหนังที่ไหนก็เก็งกำไร นี่เป็นเปรตตั้งแต่จัดเวที เรียกร้องให้คนมาดูหรือประชาสัมพันธ์แล้ว

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #57 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 07:59:33 »



ภาพที่ ๘๘

พระที่อยู่กับพระพุทธเจ้ายังทิ้งพระองค์ไป



  ภาพนี้กล่าวถึงพระภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นพระอุปัฎฐากของพระพุทธองค์ก่อนพระอานนท์ แต่ว่าภิกษุรูปนี้อุปัฎฐากพระพุทธองค์อยู่พักใหญ่ก็เกิดความเบื่อหน่าย จะผละหนีไม่อุปัฎฐากพระผู้มีพระภาคอีกต่อไป

    พระผู้มีพระภาคก็บอกว่า อย่าเลย อย่าเพิ่งรีบไปเลยพระเมฆิยะเอ๋ย ท่านอย่าเพิ่งรีบไปเลย ขอให้คนให้คนอื่นมาอุปัฎฐากเปลี่ยนกันก่อน แล้วค่อยไปเถอะนะ

   แต่ปรากฏว่าภิกษุเมฆิยะนี้ก็ไม่เชื่อฟัง พยายามหลีกเร้นจาก หรือว่าทอดทิ้งธุระที่อุปัฎฐากพระผู้มีพระภาคไป

   นี่แหละ คนอยู่ร่วมกับพระพุทธเจ้านั้น ก็มีคนเข้ามาบ้าง มีคนออกไปบ้าง เขาว่าคนในอยากออก คนนอกอยากเข้า เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าคิดว่า คนที่อยู่กับพระพุทธเจ้ายังทิ้งพระพุทธเจ้าไปได้ ไม่ใช่พระพุทธเจ้าเลวหรือไม่ดี แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากอยู่เองเขาจึงจากไป ซึ่งเรื่องนี้ก็มีปรากฏอยู่มากมาย

    บางคนนี่ลุกหนีจากพ่อไป คนเขาก็คิดว่าพ่อมันคงไม่ดี ลูกมันถึงอยู่ไม่ได้

   หรือว่าสมภารวัด พอลูกวัดออกไป ก็คิดว่า เอ๊ะ สมภารคงเลวร้าย ลูกวัดจึงอยู่ไม่ได้

   และการที่ญาติโยมไม่เข้าวัด จะโทษฝ่ายอยู่หรือโทษฝ่ายไปไม่ได้ด้วยกันทั้งนั้น ต้องหาข้อมูลความจริง บางคนนี่ แหม วิพากวิจารณ์ ปรากฏว่าสมภารอยู่ก็ได้รับกรรมอาน ซึ่งทั้ง ๆ ที่พระรูปนั้นท่านอาจจะออกไปเพราะความอยากจะไปเสพเสนาสนะอันสงัด หรือว่าอยากจะไปเพราะเหตุใดก็แล้วแต่ท่าน เหมือนอย่างในกรณีพระองค์นี้ ท่านต้องการไปเสพเสนาสนะอันสงัด แต่แล้วจิตใจก็ยังฟุ้งซ่านก็กลับมาอีก

   เรื่องเหล่านี้ไม่ควรจะไปวิจารณ์ว่าผู้ที่อยู่เป็นผู้เสียหาย ทำให้ผู้ที่ไปต้องเดือดร้อน ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมีอยู่มากมาย ไม่ใช่ว่าผู้อยู่จะเลวร้าย หรือว่าผู้ไปจะดีเสมอไป หรือว่าผู้อยู่จะดี ผู้ไปจะเสียหาย เรื่องนี้ต้องทำใจเป็นกลาง หรือว่าฟังเหตุผลกันให้รอบคอบ



บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #58 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 08:02:52 »


ภาพที่ ๘๙

อรหันต์ก่อนบวช



  เช้าวันหนึ่ง พระพุทธองค์บิณฑบาตแล้วก็ได้มาพบกับพาหิยะ ซึ่งถือว่าการไม่นุ่งผ้าจะทำให้ตนเองประเสริฐ เพราะมีคนนับถือ คนนี้มันก็แปลก นับถือโดยไม่มีเหตุมีผล ไปนับถือเลื่อมใสคนที่ไม่มีผ้าจะนุ่ง พาหิยะก็เลยเชื่อถือเอาด้วยทิฏฐิแปลก ๆ ว่า คนเราจะดีมันดีเอง อยู่ ๆ ก็มีคนเลื่อมใสได้

     พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงธรรมสั้น ๆ ว่า พาหิยะเอ๋ย เธอจงมีสติ มีทิฎฐิใหม่เถอะ ให้รู้ว่าตาเห็นรูปก็สักแต่ว่าเห็นรูป หูฟังเสียงก็สักแต่ว่าฟังเสียง พาหิยะก็แวบขึ้นในใจ บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ แต่อนิจจา… จะขอบวชยังหาผ้ามาบวชไม่ได้ ถูกควายขวิดตายเสียก่อน เป็นสาวกที่เป็นอรหันต์รูปเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ทันได้บวช

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #59 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 08:08:07 »


ภาพที่ ๙๐

อารมณ์โกรธ



ทรงแสดงสอนภิกษุ เรื่องความโกรธ… อารมณ์ของคนนี่ บางคนมันมีอารมณ์วูบวาบเหมือนกับรอยไม้กรีดลงไปในน้ำ โกรธวูบเดี๋ยวก็หาย ไม่อาฆาตมาดร้าย ผูกพยาบาทนาน บางคนนี่มีอารมณ์โกรธประดุจดังเอาไม้กรีดลงไปในดิน ซึ่งฝนตกชะสักพักหนึ่งก็หาย หมายความว่า มีเรื่องอื่นมาลบมากลบมาเกลื่อนเสียก็หายไป

    แต่บางคนมันเหมือนเอามีดไปกรีดหินทีเดียว กี่ปีมันก็ยังเป็นรอยอยู่อย่างนั้น หมายถึงคนบางคนนี่อาฆาตมาดร้ายเหลือเกิน เป็นญาติเป็นพี่เป็นน้องกัน บางทีถึงกับบอกว่าตายแล้วอย่าได้มาเผาผีอะไรกันเลย นี่เรียกว่าอาฆาตกันยันเป็นกระดูกเป็นขี้เถ้า เหมือนกับกรีดลงไปในหิน รอยไม่ลบ กลบไม่มิด

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #60 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 08:14:03 »


ภาพที่ ๙๑

ความเชื่อเรื่องกรรม



พวกนิครนถ์ ซึ่งเป็นพวกที่ยึดถือว่าคนเรานี่จะต้องเกิดมาเพื่อใช้กรรม จะได้ความสุขก็ต้องเมื่อเอาทุกข์เข้าไปแลกด้วยการทำทรมานกายต่าง ๆ นานา โดยเขาไม่รู้หรอกว่ากรรมเขาทำมาเท่าไรและใช้ไปได้เท่าไร แล้วไม่รู้ทางให้เกิดกุศล ไม่รู้ทางให้สิ้นไปของอกุศล แต่ว่าก็ได้มาโต้เถียงกับพระพุทธเจ้าว่า…

     ท่านสมณโคดม ท่านน่ะเข้าใจไหม เชื่อหรือไม่ว่า คนเรานี่จะได้ความสุขก็ต้องเอาทุกข์เข้าไปแลก จะได้ความสุขโดยไม่ต้องมีความทุกข์น่ะมันไม่ได้

    พระพุทธเจ้าก็บอกว่า อย่ากล่าวอย่างนั้นโดยส่วนเดียว ว่ากันโดยย่อ ๆ พระองค์ทรงบอกว่าอย่าผลีผลามกล่าวเช่นนั้น พวกนี้ก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน สรุปโดยสั้น ๆ ก็เรียกว่า โดยย้อนถามว่า…

      พวกพระองค์น่ะ สมณโคดมกับพระเจ้าพิมพิสาร ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน

    ปรากฏว่าพระองค์ก็ยังย้ำอยู่ว่า อย่าผลีผลามกล่าวอย่างนั้นนะ ว่าอย่างนั้นเถอะจะมาเปรียบเทียบกษัตริย์กับพระพุทธเจ้า ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน พระองค์ก็บอกเอาอย่างนี้ไหม เรานี่นะเจ็ดวันเราสามารถไม่พูด ไม่ไหวติงร่างกาย ไม่กิน ไม่เสพอะไรนิ่งอยู่ได้เจ็ดวัน พระเจ้าพิมพิสารนี้ทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า พระเจ้าพิมพิสารหรือพระราชานั่นน่ะ ไม่ได้เห็น ไม่ได้เคลื่อนไหว ไม่ได้เห็นรูป ไม่ได้ดื่ม ไม่ได้กิน เป็นเวลาเจ็ดวันนี่จะฟุ้งซ่าน ราชบัลลังก์แทบจะสั่นสะเทือน ฉะนั้นพระองค์มีความสงบนิ่ง ไม่ไหวติงได้ดีกว่า

   เอาล่ะ เป็นอันว่าพวกนิครนถ์พวกนี้ก็เกิดการโต้แย้งกันอยู่พักใหญ่ เรียกว่าจะมาต้อนให้พระองค์เหงื่อไหล แต่ต้อนไปต้อนมาก็กลับเป็นผู้ที่แย่เสียเอง เรื่องนิครนถ์นี้มีการโต้กันมาก แต่ว่าเราเอามาฟังกันสักจำนวนหนึ่ง เอามาชนกันสักนิดหน่อย ว่ากันสักนิดหน่อย


บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า:  1 2 [3] 4 5   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.195 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 19 ธันวาคม 2567 14:09:57